ตำรวจไซเบอร์ เปิดยุทธการ “เด็ดปีกมังกร” รวบเครือข่าย Call Center หลอกลวงผู้เสียหาย

🔔 ตำรวจไซเบอร์ ขอเตือนภัยและแนะแนวทางป้องกันมิจฉาชีพสร้างข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม สร้างความเสียหายให้กับประชาชน


🚨️พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพสร้างข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม เพื่อหลอกลวงลงทุน หลอกจำหน่ายสินค้า หลอกเอาข้อมูลส่วนตัวหรือทรัพย์สินสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง


🚨️ด้วยปัจจุบันประชาชนนิยมใช้บริการต่างๆผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมิจฉาชีพได้อาศัยช่องว่างดังกล่าวสร้างกลอุบายในการหลอกลวง ข้อมูลส่วนตัว หลอกให้โอนเงิน หลอกลงทุน หลอกลวงจำหน่ายสินค้า ซึ่งในหลายๆกรณีมีต้นทางมาจากข่าวปลอม หรือ ข่าวบิดเบือน เช่น สร้างข่าวปลอมแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แอบอ้างเป็นธนาคารปล่อยสินเชื่อหรือเงินกู้ สร้างข่าวปลอมแอบอ้างเป็นบริษัทเอกชนออกโปรโมชั่นจำหน่ายบัตรกำนัลซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าปกติ ไปจนถึงข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน อื่นๆ สร้างความเสียหายให้ประชาชนเป็นวงกว้าง


🚨️สอดคล้องกับสถิติของ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) ห้วงวันที่ 1 ต.ค.2564 ถึง 30 ก.ย.65 ตรวจสอบข้อมูลการรับแจ้งและร้องเรียนผ่านศูนย์ฯ จำนวนทั้งสิ้น 6,545 เรื่อง 12,616 โพสต์ และได้ตรวจสอบเป็น ข่าวปลอม(URLs) จำนวน 1,239 เรื่อง ข่าวบิดเบือน(URLs) จำนวน 171 เรื่อง ข่าวจริง(URLs) จำนวน 650 เรื่อง รวมถึงสถิติจากศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 ถึง 30 ก.ย.65 มีการรับแจ้งคดีออนไลน์ ไปแล้วกว่า 95,612 คดี ทำการอายัดบัญชี 33,849 บัญชี ยอดเงิน 3,985,628,861 บาท โดยมี 4 ประเภทคดีที่ได้รับแจ้งมากที่สุด คือ 1.ซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า จำนวน 28,305 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 29.60 2.หลอกลวงให้ทำงานออนไลน์ 12,561 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.14 3.หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 10,979 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 11.48 4.หลอกให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ 9,915 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 10.37 เป็นต้น


🚨️พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชน จากภัยการหลอกลวงของมิจฉาชีพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจัง


🚨️เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด เร่งดำเนินการสืบสวน ปราบปรามจับกุมและขยายผลผู้กระทำความผิดในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งเร่งทำการสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงภัยบนโลกออนไลน์พร้อมแนวทางการป้องกันให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป


🚨️การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้วยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดรวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี


🚨️โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนขอให้มีสติการรับข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดก่อนการโอนเงินหรือการทำธุรกรรมต่างๆ ถึงแนวทางการป้องกันข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม และการถูกหลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนี้

เมื่อได้รับข้อความหรือพบข่าวใดๆ ที่น่าสงสัย ให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐหรือภาคเอกชน ให้ชัดเจนเสียก่อน

ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโลอกออนไลน์ หลีกเลี่ยงการกดเข้าลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้หรือมีผลตอบแทนสูง ง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน

หากรู้ตัวว่าถูกหลอก ให้เตรียมบันทึกการสนทนา สลิปการโอนเงิน เอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


🚨️ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด หรือ ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน บช.สอท. หมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.thaipoliceonline.com