ตำรวจไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ CYBER STRIKE บุกทลายบริษัทบัญชีม้า สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ CYBER STRIKE

บุกทลายบริษัทบัญชีม้า สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

.

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการราชการแทน ผบ.ตร. ร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ร่วมกันเร่งรัดปราบปรามความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่หลอกลวงเหยื่อในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก จนเกิดความเสียหายกระจายไปทั่วประเทศ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนเส้นทางการเงิน ตั้งแต่ระดับบัญชีม้า ไปจนถึงกลุ่มผู้ดูแลทางการเงินและผู้รับผลประโยชน์ เพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ให้ได้ทั้งขบวนการ

.

วันพุธที่ 10 เม.ย.67 เวลา 14.00 น. ณ อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)

นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน

รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว “ปฏิบัติการ CYBER STRIKE” กรณีบุกทลายบริษัทบัญชีม้า สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

.

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ www.thaipoliceonline.go.th โดยคนร้ายได้หันมาใช้บัญชีธนาคารในชื่อนิติบุคคลในรูปแบบบริษัท และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเกิดความไว้ใจว่าไม่น่าจะเป็นบัญชีธนาคาร

ของกลุ่มมิจฉาชีพ นอกจากนี้ รูปแบบบัญชีดังกล่าว สามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน และไม่จำกัดจำนวนครั้งที่โอน ทำให้คนร้ายสามารถโอนเงินไปยังบัญชีม้าแถวต่อไปได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถอายัดเงินในบัญชีคนร้ายได้ทัน และที่สำคัญ ในการโอนเงินแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องสแกนใบหน้า โดยคนร้ายเพียงแค่ใช้ชื่อและรหัสผู้ใช้งานก็สามารถโอนเงินได้ทุกที่ทั่วโลก จากการตรวจสอบ พบมีผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 153 ราย (เคสไอดี) มีมูลค่าความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 897,253,861 บาท และมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอีกเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายแล้วนับพันล้านบาท

.

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องได้จำนวน 19 ราย พร้อมกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ บจก. และ หจก. เป้าหมายจำนวน 43 จุดทั่วประเทศ อาทิพื้นที่ กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี ชลบุรี ปราจีนบุรี พิษณุโลก ขอนแก่น เป็นต้น

.

โดยผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 12 ราย และจากการตรวจค้น พบว่าทุกจุดที่เข้าทำการตรวจค้นนั้น มีทั้งบ้านร้างไม่มีผู้อยู่อาศัย มีทั้งขนำหรือกระท่อมหลักเล็กๆ มีทั้งที่ดินรกร้างว่างเปล่า และมีทั้งบ้านผู้อื่นที่ไม่ทราบว่าใครนำที่อยู่ไปใช้จดทะเบียน เป็นต้น อีกทั้งจากการตรวจสอบกับผู้พักอาศัยใกล้เคียงก็ไม่รู้จัก บริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตั้งอยู่แต่อย่างใด

.

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้จับกุมกรรมการบริษัท และ ห้างหุ้นส่วน ดังกล่าวจำนวน 12 ราย พร้อมส่งดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

.

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จะดำเนินคดีกับผู้ยื่นจดทะเบียน บจก. และ หจก. อันเป็นเท็จ พร้อมเตรียมแจ้งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยกเลิกเพิกถอน บจก.และ หจก. รวมทั้งบัญชีธนาคารที่ใช้ เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป

.

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #บัญชีม้านิติบุคคล

#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB