ตำรวจไซเบอร์ ร่วมสถานทูตนิวซีแลนด์ จับ 2 ผัวเมีย ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงาน
ตำรวจไซเบอร์ ร่วมสถานทูตนิวซีแลนด์ จับ 2 ผัวเมีย ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงาน
ตำรวจไซเบอร์ ร่วมสถานทูตนิวซีแลนด์ จับ 2 ผัวเมีย
ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงาน
.
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ โดยข้อที่ 9 ได้กำหนดว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ในการรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเหยื่อได้อย่างทันท่วงที โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น
.
วันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. 2567 เวลา 09.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท.
.
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร รรท.ผบช.สอท., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3, คุณจัสติน แอลเวส ผู้จัดการด้านการตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรึกษา, คุณเบน ควินน์ เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการอพยพที่ผิดกฎหมาย สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประเทศไทยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์, คุณพิราภา ประเทืองสุข เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์, นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติ กรณีจับกุมผู้กระทำผิดหลอกทำวีซ่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ได้รับข้อมูลจากสถานทูตนิวซีแลนด์ กรุงเทพมหานคร แผนกตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงธุรกิจ นวัตกรรม และการจ้างงาน ซึ่งปรากฏกลุ่มทุจริตวีซ่า ปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าออนไลน์เดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 จึงสั่งการให้ ทำการสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
.
คดีนี้สืบเนื่องมาจากสถานฑูตนิวซีแลนด์ตรวจพบความผิดปกติของแรงงานไทยที่เดินทางเข้าไปทำงาน ที่ประเทศนิวซีแลนด์ และจากเอกสารการขอวีซ่าเพื่อเข้าประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า มีการยื่นเอกสาร เพื่อขอทำวีซ่าปลอม จึงประสานมายังตำรวจไซเบอร์เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.ปรก. กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และศาลได้อนุมัติหมายจับจำนวน 3 ราย
.
กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค.67 เวลา 07.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเข้าบุกค้นบ้านย่านประเสริฐมนูกิจ ที่เป็นแหล่งกบดานหลบหนีของคนร้าย สืบเนื่องจาก ผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในการหลอกลวงแรงงานมาแล้วหลายครั้ง มีความเชี่ยวชาญ และปิดตัวเองจากโลกออนไลน์ แม้กระทั่งบัตรประชาชนยังไม่เคยทำมาร่วมสิบปี จนกระทั่งจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) และนายอนุวัตน์ (สงวนนามสกุล) ตัวการในการหลอกทำวีซ่าไปทำงานประเทศนิวซีแลนด์
.
คนร้ายได้เรียนรู้จากประสบการณ์การไปทำงานที่เกาหลี จึงพบช่องทางว่ามีคนไทยสนใจไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ยอมเสียเงิน กู้หนี้ยืมสิน เพื่อให้ได้งานไปทำงานต่างประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูง คนร้ายจึงเข้าไปศึกษาในกลุ่มหางานต่างประเทศและเริ่มหลอกลวงโดยเริ่มจากผู้ที่ต้องการหางานที่ประเทศเกาหลี ต่อมาเห็นว่าตลาดที่เกาหลีขาดความน่าสนใจ จึงพุ่งเป้ามาที่ประเทศนิวซีแลนด์ที่มีค่าจ้างแรงงานสูงกว่า โดยการศึกษาหาข้อมูลจากทางโซเชียลจนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับงาน ขั้นตอนต่างๆ ในการยื่นขอวีซ่าไปทำงาน
.
โดยคนร้ายได้ซื้อเพจเฟซบุ๊กที่มีคนติดตามจำนวนมากมาจากบุคคลอื่น และโพสต์ชักชวนไปทำงานที่นิวซีแลนด์ และตั้งราคาให้น้อยกว่าเพจอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจ เมื่อเหยื่อสนใจ คนร้ายจะทักเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น และส่งต่อผู้เสียหายโดยอ้างว่าให้คุยกับเอเจนซี่ที่นำคนงานเข้าประเทศนิวซีแลนด์โดยตรง ที่ใช้ไลน์ชื่อ “วุฒิ” ผู้เสียหายสนใจงานประเภทฟาร์มวัว ที่ประเทศนิวซีแลนด์ คนร้ายจึงได้ให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลส่วนตัวไป เพื่อใช้ประกอบการสมัครงาน ผู้เสียหายได้ส่งภาพถ่ายประวัติการทำงาน และหนังสือเดินทางไปให้ และแจ้งว่าจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้กับนายจ้าง โดยแจ้งรายละเอียดในการทำงานว่า ในการดำเนินการประสานงานกับนายจ้างและทำวีซ่าทำงาน มีค่าใช้จ่ายให้บริษัทเอเจนซี่ จำนวน 70,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการเรื่องวีซ่าทำงาน จำนวน 50,000 บาท ค่าครองชีพ (ค่าเสื้อผ้า , ค่าของใช้ส่วนตัว) จำนวน 20,000 บาท สัญญาทำงานกับนายจ้างปีต่อปี ส่วนรายละเอียดค่าตอบแทนต้องไปตกลงกับนายจ้างที่ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นจะทำการพูดคุยทักทายกับเหยื่อเรื่อย ๆ และเปิดวีดีโอคอลให้เหยื่อเห็นหน้าเพื่อให้เหยื่อเชื่อโดยสนิทใจ และคนร้ายจะแจ้งว่าสัญญาจ้างได้ถูกส่งมาจากประเทศนิวซีแลนด์แล้ว และคนร้ายจะทำการถ่ายรูปสัญญาจ้างที่ตนเองทำขึ้นเองส่งไลน์ให้กับเหยื่อดู และจะแจ้งว่าห้ามส่งต่อข้อมูล หากข้อมูลมีการรั่วไหลจะดำเนินคดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อคนร้ายได้ให้โอนเงินให้แบ่งเป็นรอบๆ เมื่อได้เงินและเหยื่อเริ่มสงสัยคนร้ายจะทำการปิดกั้นการติดต่อ
.
จากการปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องได้ 2 ราย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันปลอมเอกสาร ,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่า ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง”
.
ทั้งนี้ หากมีผู้เสียหายที่ถูกขบวนการนี้หลอกลวงหรือถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อสถานีตำรวจใกล้บ้านท่านเพื่อดำเนินการกับกลุ่มผู้ต่องหาต่อไป กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจะดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยในทุกมิติ และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมไทย
.
#ตำรวจไซเบอร์ #หลอกคนไทยไปทำงานต่างประเทศ #ปลอมวีซ่า
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB