ตำรวจไซเบอร์จับมือ กสทช. ทลายแหล่งขายวิทยุและอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน จับและยึดอุปกรณ์ ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจไซเบอร์จับมือ กสทช.

ทลายแหล่งขายวิทยุและอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน

จับและยึดอุปกรณ์ ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

.

วันศุกร์ที่ 9 ก.พ.67 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 บก.สอท.2 บช.สอท. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวนรอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่

ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “ตำรวจไซเบอร์ จับมือ กสทช. ทลายแหล่งขายวิทยุและอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน จับและยึดอุปกรณ์ ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

.

สืบเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ กรณีตรวจพบสัณญาณรบกวนจากกล้อง

วงจรปิดไร้สาย (ซิมการ์ด และไวไฟ) ที่ใช้ความถี่ ย่าน 2.4 GHz (2400-2500) ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

ที่ สำนักงาน กสทช. กำหนด (ไม่ผ่านมาตรฐาน) ซึ่งได้กำหนดให้กล้องวงจรปิดไร้สายต้องใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 2.4-2.5 MHz จากการตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่าย กล้องวงจรปิดไร้สายที่มีการใช้งานคลื่นความถี่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ กสทช. โดยไม่ผ่านการอนุญาตและตรวจสอบรับรองมาตรฐานตามที่ กสทช. กำหนด โดยกล้องวงจรปิดไร้สายเป็นสาเหตุของการรบกวนโดยได้ใช้ความถี่เกินกว่าขอบเขตข้อกำหนดไม่สอดคล้องตาม ประกาศ กสทช. ดังกล่าว ทำให้การนำเข้ามาจำหน่าย และใช้งานในประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

.

นอกจากนี้ กสทช. ยังได้รับการร้องเรียนอีกว่า พบบัญชีเฟซบุ๊กแฟนเพจหนึ่ง ผู้ติดตามกว่า 18,000 คน

ได้ลักลอบนำเข้าเครื่องวิทยุโทรคมนาคมและอุปกรณ์โดยผิดกฎหมายและจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป

จึงได้ประสานมายัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการสืบสวนกรณีดังกล่าว

.

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 นำกำลังตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังร่วมกับ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. นายวรรณะ เศรษฐพงศ์ สำนักงาน กสทช. ภาค 4 นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผอ.กสทช.ภาค 1 นายสนอง วรรณโภชน์ ผอ.กสทช.ภาค 1 และนายมนตรี แพทย์หลักฟ้า ผอ.กสทช.ภาค1 พร้อมเจ้าหน้าที่ กสทช. โดยสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 2 จุด ดังนี้

.

จุดที่ 1 ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

มี นางสาวกุสุมา อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดสตูล เป็นผู้ดูแลร้าน พบว่ามีการโฆษณาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์หลายช่องทาง ในการจำหน่ายเครื่องวิทยุคมนาคม ประเภทเครื่องรับ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ เพื่อให้บุคคลอื่นนำไปใช้รับหรือแปลงสัญญาณในการรับรายการของกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก จึงได้ตรวจยึดของกลางเกือบ 30 รายการ เช่น กล่องรับสัญญาณ ยี่ห้อ PSI รุ่น S2X กล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม ยี่ห้อ Infosat รุ่น HD-X168 จานรับสัญญาณดาวเทียมและหัวรับสัญญาณ LNB ยี่ห้อ Infosat เป็นต้น

.

จากการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้มีการค้า จึงแจ้งข้อหา “จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายหรือรับติดตั้งกล่องรับสัญญาณดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และ ค้าเครื่องวิทยุ คมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต” พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

จุดที่ 2 บ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ซอยประชาอุทิศ 76 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร โดยพบ นายพิสิทธิ์ แสดงตัวเป็นเจ้าของ ผลการตรวจค้นพบ อุปกรณ์เครื่องวิทยุคมนาคม ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบรับรองมาตราฐานจาก กสทช. และอุปกรณ์มีกำลังส่งในย่านความถี่วิทยุเกินกว่าตามที่ กสทช. กำหนด และไม่มีใบอนุญาตตาม พรบ.วิทยุคมนาคมฯ สอบถามนายบอย ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “มีและค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต” ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุ

เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

.

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #อุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์

#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB