ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างกรมพัฒนาธุรกิจฯ ลวงให้ใส่รหัสผ่าน โดนดูดเงินเกลี้ยงกว่าแสนบาท

ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างกรมพัฒนาธุรกิจฯ

ลวงให้ใส่รหัสผ่าน โดนดูดเงินเกลี้ยงกว่าแสนบาท

.

สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา มีมิจฉาชีพเป็นผู้หญิงแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้โทรศัพท์หาผู้เสียหาย โดยสอบถามเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ผู้เสียหายจดทะเบียนไว้ ซึ่งมิจฉาชีพสามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวได้ถูกต้อง โดยมิจฉาชีพอ้างว่า หจก. ของผู้เสียหายต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันสถานะประจำปี และขอไอดีไลน์โดยแจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่อีกคนติดต่อไป

.

หลังจากวางสาย ได้มีมิจฉาชีพอีกคนโทรไลน์เข้ามาแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยแจ้งให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดลิงก์สำหรับยืนยันสถานะของ หจก. ตามที่ได้มีเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ ระหว่างพูดสายจึงได้กดลิงก์ซึ่งปรากฏเป็นหน้าเว็บไซต์ ลักษณะเหมือนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของจริง จากนั้นได้คลิกดาวน์โหลด ซึ่งระหว่างดาวน์โหลด มิจฉาชีพจะสนทนากับผู้เสียหายตลอดเวลา

.

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ระบบจะปรากฏแพลตฟอร์มให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น ข้อมูลของ หจก.หมายเลขผู้เสียภาษี เป็นต้น จากนั้น มิจฉาชีพให้ผู้เสียหายตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลขหกหลัก ผู้เสียหายจึงใส่รหัสผ่านเดียวกันกับรหัสผ่านที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ต่อมา มีช่องให้ยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง ผู้เสียหายก็ใส่รหัสเดิม หลังจากนั้นมีข้อความให้ตอบคำถามเพื่อประเมินผู้เสียหาย โดยแจ้งให้ใส่รหัสผ่านซ้ำอีก 2 ครั้ง เพื่อทำแบบประเมิน หลังจากนั้น หน้าจอโทรศัพท์ของผู้เสียหายเกิดอาการค้าง ไม่สามารถดำเนินการใดใดได้ ต่อมาก็ปรากฏหน้าจอเป็นสีฟ้า มีข้อความว่า “กำลังตรวจสอบ” ผู้เสียหายพยายามแก้ไขแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจถอดซิมการ์ดออก จากนั้นมีข้อความแจ้งเตือน จากธนาคารของผู้เสียหายผ่านทางอีเมล์บนคอมพิวเตอร์ว่า มียอดเงินถูกโอนออกไป จำนวน 111,327 บาท จึงรู้ตัวว่าโดนมิจฉาชีพหลอกลวง และได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

.

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท. 3 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกวาดล้างจับกุมขบวนการดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้หลายราย

.

กระทั่ง ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมนำกำลังชุดสืบสวนเข้าจับกุม น.ส.กนกพร อายุ 57 ปี หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ จ 430/2566 ลง 25 ต.ค.66 ในข้อหา “ร่วมกันกับพวก ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณสวนสาธารณะภายในบึงสีไฟ ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร จว.พิจิตร นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #แอปดูดเงิน

#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB