แถลงปฏิบัติการ CYBER BLOCK “ตำรวจไซเบอร์จับกุม 3 เครือข่ายหลอกลงทุน และหลอกติดตั้งแอปฯดูดเงิน จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย อายัดเงินในบัญชีได้ 1.42 ล้านบาท
แถลงปฏิบัติการ CYBER BLOCK “ตำรวจไซเบอร์จับกุม 3 เครือข่ายหลอกลงทุน และหลอกติดตั้งแอปฯดูดเงิน จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย อายัดเงินในบัญชีได้ 1.42 ล้านบาท
แถลงปฏิบัติการ CYBER BLOCK
“ตำรวจไซเบอร์จับกุม 3 เครือข่ายหลอกลงทุน และหลอกติดตั้งแอปฯดูดเงิน จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย อายัดเงินในบัญชีได้ 1.42 ล้านบาท”
.
วันศุกร์ที่ 15 มี.ค.67 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวปฏิบัติการ “Cyber Block” กรณี “ตำรวจไซเบอร์จับกุม 3 เครือข่ายหลอกลงทุน และหลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย อายัดเงินในบัญชีได้ 1.42 ล้านบาท”
.
สืบเนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบัน มีมิจฉาชีพที่ชักชวนลงทุนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แล้วหลอกให้ติดตั้งแอปฯ ดูดเงินเป็นจำนวนมาก และหลายรูปแบบ มีการแอบอ้างหน่วยงานที่มีชื่อเสียงหลายหน่วยงาน รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือหลอกลวงให้มาลงทุนโดยสร้างความเสียหายให้ประชาชนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและสังคมเป็นวงกว้าง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดสืบสวน จนสามารถดำเนินคดีกับ 3 เครือข่าย ดังนี้
.
เครือข่ายที่ 1 สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกลวงชักชวนลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันปลอม สร้างความน่าเชื่อถือโดยใช้ชื่อบัญชีรับโอนเงินเป็นชื่อบริษัทฯ และแรกเริ่มลงทุนมีผลกำไรโอนกลับมาบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อโดยสนิทใจจึงได้ลงทุนมากขึ้น สุดท้ายถอนเงินไม่ได้ ได้รับความความเสียหาย 171,019.26 บาท
.
ผู้เสียหายแจ้งความทางระบบรับแจ้งความออนไลน์ (thaipoliceonline.go.th) พนักงานสอบสวน กก.3
บก.สอท.2 บช.สอท. ผู้รับผิดชอบสอบสวนดำเนินคดี สามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของคนร้ายไว้ได้จำนวน 2 บัญชี บัญชีแรกอายัดได้ 230,458.53 บาท บัญชีที่สองอายัดได้ 479,473.30 บาท รวมเงินที่อายัดได้ในคดีนี้ กว่า 7 แสนบาท ซึ่งบัญชีของผู้ต้องหาเป็น หจก. อยู่ระหว่างออกหมายจับ
.
เครือข่ายที่ 2 คนร้ายติดต่อผู้เสียหายทางโทรศัพท์ก่อน แล้วหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง และบอกว่าผู้เสียหายมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยเลี้ยงตกเบิกกับเงินดิจิทัล จากนั้นได้แอดไลน์คนร้ายแล้วคนร้ายส่งลิงก์มาให้โหลดแอปฯ ชื่อ DIGITAL.APK พร้อมกรอกข้อมูลและยืนยันตัวตนโดยแสกนใบหน้า กรอกหมายเลข 6 หลัก ที่ส่งเข้ามา และเข้าควบคุมโทรศัพท์ (ช่วงนั้นโทรศัพท์ค้างไม่สามารถกดปุ่มใดๆ หรือปิดเครื่องได้) แต่คนร้ายยังพูดคุยเพื่อถ่วงเวลาและทำการโอนเงินจากบัญชีธนาคารผู้เสียหายไปยังบัญชีของคนร้าย พร้อมลบข้อมูลการโอนเงินและแอปฯ ธนาคารทิ้งทั้งหมด ได้รับความความเสียหาย 326,416 บาท
.
ต่อมาผู้เสียหายได้แจ้งความทางระบบรับแจ้งความออนไลน์ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 บช.สอท. ผู้รับผิดชอบ สามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของคนร้ายไว้ได้จำนวน 2 บัญชี บัญชีแรกอายัดได้ 326,947.66 บาท บัญชีที่สองอายัดได้ 483.67 บาท รวมเงินที่อายัดได้ในคดีนี้กว่า 3 แสนบาท
.
โดยคดีนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย จับกุมแล้ว 2 ราย คงเหลือ 1 ราย
1. นายสุทธิพงศ์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง จ.ระนอง
หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.171/2567 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2567
2. นางสาวจุฑามาศ อายุ 20 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.173/2567 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2567
.
ในฐานความผิด “เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ฯ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด,ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อใช้เบิกถอนเงินสดโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด”
.
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมกันฉ้อโกง แต่รับว่าเคยขายหรือให้บัญชีธนาคารกับบุคคลอื่นไปใช้
.
เครือข่ายที่ 3 คนร้ายเข้ามาตีสนิทผู้เสียหายผ่านทาง Facebook จนเชื่อใจแล้วได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนขายสินค้าออนไลน์ โดยการส่งลิงก์ร้านค้ามาให้ผู้เสียหายโหลดและตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินสดไปซื้อสินค้ามาจำหน่ายในร้านค้าออนไลน์ โอนเงินไปบัญชีธนาคารตามที่คนร้ายแจ้งมา 22 ครั้ง สุดท้ายถอนเงินออกมาไม่ได้ ได้รับความความเสียหาย 945,802 บาท
.
ต่อมาผู้เสียหายได้แจ้งความทางระบบรับแจ้งความออนไลน์ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 บช.สอท. ผู้รับผิดชอบ สอบสวนดำเนินคดีสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของคนร้ายไว้ได้กว่า 3 แสนบาท
.
โดยคดีนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 15 ราย จับกุมดำเนินคดีแล้ว 7 คงเหลือ 8 ราย
1. นายภานุวัฒน์ อายุ 22 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ถ.หน้าวัดตรี ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 105/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
2. นายชัยนาท อายุ 26 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.13 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 99/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
3. น.ส.ธณัทฐา อายุ 41 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.12 ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 103/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
4. น.ส.วรรณวิสา อายุ 26 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ถ.ปทุมลาดหลุมแก้ว ต.บางปรอก อ.เมืองปทุมธานี
จ.ปทุมธานี หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 100/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
5. นายธีรภัทร์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.9 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.792/2566 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566
6. นายอภิวัฒน์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.16 ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.113/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
7. นางนิลวดี อายุ 41 ปี ที่อยู่ บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.21 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย หมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 110/2567 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
.
ในฐานความผิด “เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ฯ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด”
.
เตือนภัย
- ไม่โหลดแอปพลิเคชันที่แนะนำโดยคนที่ไม่รู้จัก
- ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐโทรหาประชาชนให้ทำธุรกรรมต่างๆ หากไม่แน่ใจให้ติดต่อโดยตรง
- ไม่ลงทุนหรือเชื่อคำชักชวนที่มาจากช่องทางออนไลน์
- ไม่หลง ไม่กลัว ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่รีบ ไม่โอน
- ไม่ควรตั้งรหัสที่สามารถถูกคาดเดาได้โดยง่าย
- ไม่ควรให้รหัส Mobile Banking กับผู้อื่น
.
#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จับกุม #หลอกลงทุน #แอปดูดเงิน
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB