“MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.13-16” ตำรวจไซเบอร์คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภาคอีสาน 4 ราย ยอดรวมกว่า 5 แสน
“MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.13-16” ตำรวจไซเบอร์คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภาคอีสาน 4 ราย ยอดรวมกว่า 5 แสน
“MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.13-16” ตำรวจไซเบอร์คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภาคอีสาน 4 ราย ยอดรวมกว่า 5 แสน
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “Money Cash Back” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 10.8 ล้านบาท
.
ล่าสุด ได้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีอีก จำนวน 4 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอายัดเงินที่ถูกหลอกลวงไปเพื่อนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้อีก รวมจำนวนกว่า 5 แสนบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
.
EP.13 รวบบัญชีม้าเครือข่ายหลอกลงทุนโปรโมตสินค้า เสียหายกว่า 1 ล้านบาท อายัดทันกว่า 2 แสน คืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายชายรายหนึ่ง อายุ 73 ปี ได้เห็นโพสต์โฆษณาการสร้างรายได้จากการโปรโมตเพื่อขายอาหารเสริม ผู้เสียหายสนใจจึงได้ติดต่อผ่านแชทของเฟซบุ๊กดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อบัญชี “ศูนย์การเงินแก้ระบบ” จากนั้นคนร้ายได้แนะนำผู้เสียหายว่า หากช่วยโปรโมตสินค้าประเภทอาหารเสริมแล้วจะได้คะแนนสะสมเพื่อนำไปแลกเป็นเงิน โดยกดจากลิงก์ที่คนร้ายส่งให้
.
ต่อมา ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินเพื่อโปรโมตสินค้าตามคำแนะนำของคนร้าย จากนั้นได้มีคะแนนและเงินสะสมขึ้นมา ในระบบ เมื่อผู้เสียหายเห็นว่าได้คะแนนสะสมมากแล้ว คนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อ-ขายเหรียญคริปโต โดยแนะนำให้ใช้เงินลงทุนจากเงินสะสมในเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น สุดท้ายผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น 1,068,343.10 บาท
.
ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานีออกหมายจับ ผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้ว จำนวน 6 ราย พร้อมทั้งสามารถประสานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของ น.ส.ศศิวรรณ หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ไว้ได้จำนวน 208,161.16 บาท ซึ่งเป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ที่ผู้เสียหายได้โอนเงินเข้า จำนวน 2 ครั้ง รวมจำนวนเงิน 314,408.25 บาท
.
โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว น.ส.ศศิวรรณ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.162/2568 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ได้บริเวณถนนแดงทองดีเหนือ ต.ตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในข้อหา “สนับสนุนร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและสนับสนุนร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ และขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ พร้อมยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 208,161.16 บาท ดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
EP.14 รวบบัญชีม้าเครือข่ายอ้างสมาคมฌาปนกิจครู หลอกสแกนหน้าโอนเงินกว่า 1.7 แสน ตามอายัดทันทั้งหมด ส่งคืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหายหญิงรายหนึ่ง อายุ 63 ปี ได้ถูกคนร้ายติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน LINE แอบอ้างเจ้าหน้าที่จากสมาคมฌาปนกิจสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดเลย แล้วแจ้งให้ผู้เสียหายส่งเอกสารเกี่ยวกับผู้รับผลประโยชน์เงินฌาปนกิจ ผ่านบัญชีไลน์ชื่อ “สมาคมฌาปนกิจครู” จากนั้นคนร้ายได้ส่งคิวอาร์โค้ดให้เพื่อยืนยันตัวตน และกรอกข้อมูลส่วนตัว
.
หลังจากนั้นคนร้ายได้โทรศัพท์ผ่านไลน์หาผู้เสียหาย เพื่อแนะนําขั้นตอนในการลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชันที่คนร้ายส่งให้ติดตั้งพร้อมยืนยันข้อมูลส่วนตัว จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหายเปิดเข้าแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือละกำชับไม่ให้ผู้เสียหายออกจากแอปที่เปิดอยู่ ต่อมาคนร้ายให้ผู้เสียหายสแกนใบหน้าผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร สุดท้ายมาทราบทีหลังว่า เงินในบัญชีถูกโอนไปยังบัญชีพร้อมเพย์ของคนร้าย จำนวน 171,700 บาท
.
ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ น.ส.ฉวีวรรณ เจ้าของบัญชีพร้อมเพย์ที่รับโอนเงินผู้เสียหาย พร้อมทั้งสามารถประสานธนาคารอายัดยอดเงินในบัญชีธนาคารไว้ได้ทั้งหมด รวมจำนวน 171,700 บาท
.
โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว น.ส.ฉวีวรรณ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 229/2568 ลง 24 เม.ย.68 โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.7 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย,โดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง,เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตราการป้องกันเข้าถึงโดนเฉพาะและมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อกิจการของตนหรือกิจการของตนที่เกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญา”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ และขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ พร้อมยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 171,700 บาท ดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
EP.15 อายัดบัญชีนักโทษชาย 9 หมื่นบาท หลังร่วมแก๊งอ้างเป็นตำรวจหลอกช่วยเหยื่อคดีออนไลน์ สุดท้ายโดนตุ๋นซ้ำ เกือบ 3 แสน นำคืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่ง ได้ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพในลักษณะให้ทำภารกิจเปิดร้านค้าออนไลน์แล้วโอนเงินเพื่อรอรับรางวัล ต่อมา ผู้เสียหายจึงได้เข้าแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กเพื่อค้นหาเกี่ยวกับการแจ้งความออนไลน์และการช่วยติดตามเงินคืน จึงได้พบกับเพจปลอมบัญชีหนึ่ง ที่สร้างขึ้นมาเลียบแบบเพจของหน่วยงานราชการ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อกับเพจดังกล่าว
.
ต่อมา คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ "IT CYBER POLICE" พร้อมทั้งให้เข้าไลน์กลุ่มชื่อ "กลุ่มดึงยอดผู้เสียหาย ชุดที่0428" และ ไลน์กลุ่มชื่อ "กลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี" และได้พูดคุยกับคนร้ายที่แอบอ้างตัวเป็นตำรวจ อ้างว่าสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายในการดึงเงินกลับคืนมาให้ โดยใช้วิธีให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าแฮกเข้าระบบ จากนั้นให้โอนเงิน
เป็นค่าดำเนินการ และให้โอนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นค่าต่างๆ ในกระบวนการ สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปทั้งหมด จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 291,197.80 บาท
.
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าผู้เสียหายได้โอนเงินไป จำนวน 90,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารของหนึ่งในกลุ่มคนร้าย ชื่อ นายภัทรพล อายุ 43 ปี และบัญชีธนาคารดังกล่าว ยังมียอดเงินส่วนที่เป็นของผู้เสียหายรายอื่นๆ รวมอยู่ด้วย จึงได้ประสานธนาคารอายัดยอดเงินจำนวน 90,000 บาท ดังกล่าวไว้ได้สำเร็จ
.
จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน นายภัทรพล ถูกจับกุมดำเนินคดี ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง” และอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำอำเภอธัญบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและขออายัดตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 90,000 บาท ดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
EP.16 สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายชายรายหนึ่ง อายุ 32 ปี ได้พบบัญชีสื่อโซเชียลเกี่ยวกับการประมูลหยก โดยคนร้ายอ้างว่า ถ้าหยกที่ประมูลมาผ่าออกมาแล้วเป็นสีเขียว เมื่อนำไปขายแล้วจะให้ส่วนแบ่ง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ประมูลหยก จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 4,000 บาท จากนั้นคนร้ายได้ผ่าหยกดังกล่าวให้ดู ปรากฏว่าหยกเป็นสีเขียว
.
คนร้ายจึงแจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อขอรับเงิน เมื่อติดต่อไป คนร้ายกลับแจ้งว่าผู้เสียหายต้องโอนเงินค่าภาษีไปให้คนร้ายก่อน จํานวน 20,000 บาท ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อจึงได้ขอเงินที่ประมูลไปคืนมา แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงได้รู้ตัวว่าตนเองโดนหลอกลวง สุดท้ายเสียเงินไปทั้งหมด รวมจำนวน 4,000 บาท
.
ต่อมา พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายสิทธิพงษ์ เจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้คนร้าย พร้อมทั้งประสานธนาคารอายัดยอดเงินจำนวน 4,000 บาท ดังกล่าวไว้ได้สำเร็จ
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายสิทธิพงษ์ ได้ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ และขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ พร้อมยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 4,000 บาท ดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
#MoneyCashBack #ปิดบัญชีตามล่าม้าคว้าเงินคืน #ตำรวจไซเบอร์ #คืนเงินผู้เสียหาย #บัญชีม้า #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมออนไลน์ #ฟอกเงิน #หลอกลงทุน #หลอกโอนเงิน #ไซเบอร์อีสาน #อายัดบัญชี #คืนความยุติธรรม #CyberPolice #ภาคอีสาน
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB