ตำรวจไซเบอร์รวบแก๊งกดเงินส่งจีนเทา หลังทะเลาะกันจนทำข้อมูลหลุด พบสร้างความเสียหายแล้ว 24 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์รวบแก๊งกดเงินส่งจีนเทา หลังทะเลาะกันจนทำข้อมูลหลุด พบสร้างความเสียหายแล้ว 24 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์รวบแก๊งกดเงินส่งจีนเทา หลังทะเลาะกันจนทำข้อมูลหลุด พบสร้างความเสียหายแล้ว 24 ล้าน
.
วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.68 เวลา 14.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบแก๊งกดเงินส่งจีนเทา หลังทะเลาะกันจนทำข้อมูลหลุด พบสร้างความเสียหายแล้ว 24 ล้าน
.
สืบเนื่องจาก ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนจนพบเบาะแสว่า มีชายคนหนึ่ง ชื่อ “ตี๋” ไม่ทราบสัญชาติ อาศัยอยู่ในพื้นที่ประเทศลาว สามารถพูดไทยและจีนได้ชัด โดย นายตี๋ เป็นคนติดต่อให้คนไทยกลุ่มหนึ่งฟอกเงิน โดยการทำหน้าที่เปิดบัญชีม้ารับโอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกนใบหน้าโอนเงิน แล้วตระเวนกดเงินสดในบริเวณใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก จากนั้นจะนำเงินสดไปส่งต่อให้แก่ผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีกทอดหนึ่ง แต่ภายหลังเกิดปัญหาขัดผลประโยชน์กันและทะเลาะกันเองขึ้นในกลุ่ม ทำให้เบาะแสบางส่วนหลุดมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบตามข้อมูลที่สืบสวนได้ จนได้พบสถานที่และกลุ่มคนพักอาศัยอยู่ ตรงตามข้อมูลการสืบสวนจริง และจากการตรวจตรวจสอบหนึ่งในบัญชีธนาคารที่กลุ่มคนดังกล่าวเป็นเจ้าของอยู่ พบว่าเป็นบัญชีที่ถูกอายัดในคดีเกี่ยวกับขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ และมีผู้เสียหายในประเทศไทย พบมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 24,000,000 บาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายได้สำเร็จ
.
ต่อมา พ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง ผกก.1 บก.สอท.2 ,พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชยกฤต จันหา สว.กก.1 บก.สอท.2,พ.ต.ท.ศราวุธ ตะดวงดี สว.กก.3 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 348-350/2568 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 68 เข้าตรวจค้น ห้องพักจำนวน 3 ห้อง ในหอพักแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
.
จากการเข้าตรวจค้น พบนายนันทพงศ์ อายุ 24 ปี, นายพัธกานต์ อายุ 21 ปี, นายธานินทร์ อายุ 21 ปี และ นายจิรเดช อายุ 19 ปี โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็น บัตรอเทีเอ็ม, สมุดบัญชีธนาคาร และ โทรศัพท์มือถือ จำนวนมาก
.
จากการสอบถาม กลุ่มบุคคลดังกล่าวยอมเปิดเผยว่า พวกตนทำหน้าที่กดถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของตนเองเป็นจำนวนมาก และหลายบัญชี โดยได้รับคำสั่งจากกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนผ่านหัวหน้ากลุ่มซึ่งเป็นคนไทยที่ได้หลบหนีไปแล้วก่อนหน้านี้
.
โดยกลุ่มชาวจีนมักโอนเงินมาเข้าบัญชีของกลุ่มพวกตนเพื่ออำพรางการติดตามเส้นทางการเงิน จากนั้นหัวหน้าชาวไทยของพวกตน จะสั่งการให้ไปตระเวนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มบริเวณรอบๆ ที่พักแล้วนำมอบให้หัวหน้า โดยพวกตนไม่ทราบว่าหัวหน้าเอาเงินดังกล่าวไปทำอะไร รวมทั้งยังสั่งให้พวกตนสแกนใบหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือของพวกตน โดยได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายวัน จำนวน 2,000 บาท ต่อวัน พร้อมเงินเดือน
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมาย เพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่และสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเป็นซ่องโจร หรือร่วมกันประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร” และ “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด” นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลถึง ผู้ที่ยังหลบหนี และผู้มีส่วนเกี่ยวในขบวนการดังกล่าวข้องต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #แก๊งฟอกเงิน #คอลเซ็นเตอร์ #แก๊งจีนเทา #บัญชีม้า #ฟอกเงินข้ามชาติ #อาชญากรรมไซเบอร์ #ปทุมธานี #ข่าวอาชญากรรม #จับกุมผู้ต้องหา #สแกนใบหน้า #ถอนเงินสด #บัญชีธนาคาร #ไซเบอร์ตำรวจ #ข่าววันนี้
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB