ตำรวจไซเบอร์ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ พร้อมจับกุมหนุ่มโพสต์อวดอาวุธปืน และเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ พร้อมจับกุมหนุ่มโพสต์อวดอาวุธปืน และเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ พร้อมจับกุมหนุ่มโพสต์อวดอาวุธปืน และเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
วันอังคารที่ 15 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ พร้อมจับกุมหนุ่มโพสต์อวดอาวุธปืน และเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
.
1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า (ตรวจยึดของกลาง)
- ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ มูลค่ากว่า 30,000 บาท
.
2. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
- รวบหนุ่มนครโพสต์ลูกซองสั้นอวดโซเชียล จำนวน 1 ราย
.
3. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกลงทุนอสังหา พบเชื่อมโยงคดีอื่นรวมเสียหายกว่า 9 ล้าน จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายอ้างเป็นทนายฮ่องกง หลอกซ้ำเหยื่อออนไลน์เสียหายกว่า 5.3 ล้าน จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกลงทุนทองอ้าง “ออโรร่า” เสียหายกว่า 5 แสนบาท จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกหารายได้พิเศษ โอนเงินเสียหายกว่า 1.6 ล้าน จำนวน 1 ราย
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ตามสืบเพจลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดพัสดุตีกลับปริศนาคาคอนโดหรูเพียบ เปิดกล่องผงะ เจอของกลางอื้อ
.
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.๑ ได้สืบสวนพบเฟซบุ๊กเพจบัญชีหนึ่ง ได้โพสต์ประกาศจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์อย่างเปิดเผย ท่ามกลางการเร่งระดมกวาดล้างปราบปรามของรัฐบาล โดยหากมีลูกค้าสั่งซื้อ ทางเพจจะจัดส่งพัสดุไปให้ถึงบ้าน
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนกรณีดังกล่าว โดยพบว่าทางเพจขายในราคาประมาณ 360 บาทต่อชิ้น และสามารถสืบสวนไปยังต้นทางในการจัดส่งพัสดุ พบว่าเป็นคอนโดหรูแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่สืบสวน
.
ต่อมา ร.ต.อ. ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้นำกำลังลงพื้นที่ไปยังคอนโดดังกล่าว จากการสืบสวนข้อมูลพบว่า หากเพจดังกล่าวจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าไม่สำเร็จ พัสดุจะถูกตีกลับมายังคอนโดดังกล่าว ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ ได้รับข้อมูลสำคัญจากฝ่ายนิติของคอนโดว่า ได้มีพัสดุปริศนาถูกตีกลับมายังคอนโดจำนวนหลายครั้ง ครั้งละประมาณ 10-15 กล่อง และทางนิติไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของพัสดุได้
ทำให้มีกล่องพัสดุรวมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงกลัวว่าอาจเป็นวัตถุอันตรายจากผู้ไม่หวังดี
.
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบบนหน้ากล่องพัสดุ พบว่ามีข้อมูลบนหน้ากล่องตรงกับข้อมูลที่ได้สืบสวนมาก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าภายในเป็นบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นได้ร่วมกันเปิดกล่องตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยทุกกล่อง โดยมีฝ่ายนิติของคอนโดร่วมเป็นพยาน จากการตรวจสอบพบว่า ทุกกล่องล้วนบรรจุบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า รวมแล้วเป็นจำนวนมาก ประเมินมูลค่าเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำบันทึกตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องกับของกลางดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.4 บก.สอท.5 ตามรวบหนุ่มนครโพสต์ลูกซองสั้นอวดโซเชียล
.
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.5 ได้ตรวจสอบพบบัญชีโซเชียลรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพอาวุธปืนลูกซองสั้นจึงได้ทำการสืบสวน กระทั่งพบหลักฐานน่าเชื่อว่า ผู้โพสต์คือ นายปณวัฒน์ อายุ 25 ปี ชาวนครศรีธรรมราช จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี
.
ต่อมา พ.ต.ท.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดพร้อมหมายค้นที่ 380/2568 ลงวันที่ 14 ก.ค. 68 เข้าตรวจค้นให้ค้นบ้านหลังหนึ่งย่านถนนพระราม 2 ซอย 29 (พุทธบูชา ซ.1) แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. จากการเข้าตรวจค้น พบตัวนายปณวัฒน์ กำลังเก็บของใช้ภายในบ้านเนื่องจากเพิ่งย้ายไปเช่าห้องแห่งใหม่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามจนเจ้าตัวยอมเปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งเอาอาวุธปืนไปเก็บที่ห้องใหม่แล้ว จากนั้นจึงนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังห้องเช่าใหม่ของตน ในซอยเคหะชุมชนธนบุรี 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ตรวจค้นพบอาวุธปืนพกสั้นลูกซองหักลำไทยประดิษฐ์ ใช้ยิงกับกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 ไม่มียี่ห้อผู้ผลิต ไม่มีเลขประจำปืน จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด, เอกสารสำคัญต่างๆ และหลักฐานอื่นๆ
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจจึงจับกุมดำเนินคดีความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน” เจ้าตัวรับสารภาพ จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนอสังหา พบเชื่อมโยงคดีอื่นรวมเสียหายกว่า 9 ล้าน
.
สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้ใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook แล้วได้พบโพสต์ชักชวนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงลงทุนไป จำนวน 1,130,000 บาท แต่สุดท้ายไม่ได้รับผลตอบแทนจริง หลังพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.ฯ ปรก.กก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 3716/2568 ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 เข้าจับกุม นางเพ็ญศรี อายุ 38 ปี ในข้อหา "เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า
จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด"
.
นอกจากนี้ จากข้อมูลการสืบสวนยังพบอีกว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าว มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงอื่นๆ อีกถึงจำนวน 18 เคสไอดี รวมมูลค่าความเสียหาย ทั้งสิ้น 9,055,193 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลสืบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายอ้างเป็นทนายฮ่องกง หลอกซ้ำเหยื่อออนไลน์เสียหายกว่า 5.3 ล้าน
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางออนไลน์มาก่อน ต่อมาได้ค้นหาผู้ช่วยเหลือในโซเชียลจึงได้พบกับคนร้ายที่แอบอ้างว่าตนเป็นทีมทนายความจากประเทศฮ่องกง ประสงค์จะช่วยเหลือผู้เสียหาย จากนั้นได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ ในการฟ้องร้องคดี สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปหลายครั้ง รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,348,900 บาท
.
หลังพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.ฯ ปรก.กก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 2606/2567 ลงวันที่ 6 มิ.ย.67 เข้าจับกุม นางสาวจิหฑา อายุ 28 ปี ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช่ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด" เบื้องต้น พบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวทำหน้าที่ บัญชีม้า และพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปยังคดีออื่นอีก 10 เคสไอดีรวมความเสียหายกว่า 5,348,900 บาท
.
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนทองอ้าง “ออโรร่า” เสียหายกว่า 5 แสนบาท
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหายพบโพสต์ชักชวนลงทุนซื้อขายทองคำบนแอปพลิเคชัน Facebook โดยใช้ชื่อว่า “ออโรร่า” ต่อมาผู้เสียหายสนใจและได้ร่วมลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ และโอนเงินเพื่อร่วมลงทุนไป 6 ครั้ง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 503,622 บาท ภายหลังกลับไม่ได้รับผลตอบแทนจริง
.
หลังพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.ฯ ปรก.กก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 573/2568 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เข้าจับกุม นางสาวนภาภรณ์ อายุ 27 ปี ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.1 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายหลอกหารายได้พิเศษ โอนเงินเสียหายกว่า 1.6 ล้าน
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหายรายหนึ่งอยากหารายได้เสริม จึงหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต กระทั่งพบเฟซบุ๊กปลอมของคนร้ายหลอกชักชวนให้ทำงานพิเศษ จากนั้นจึงได้แอดไลน์แล้วคุยกับคนร้ายที่อ้างตัวเป็นแอดมิน แล้วหลอกให้โอนเงินเพื่อรอรับรายได้ จึงโอนเงินให้คนร้าย 16 ครั้ง ผ่านบัญชีม้า 6 บัญชี รวมมูลค่าเป็นจำนวนเงิน 1,697,900 บาท
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 3887/2566 ลง 9 พ.ย.66 เข้าจับกุมนายอมรเทพ อายุ 22 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ หน้าอู่แห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
.
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารและได้มอบบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นนำไปใช้ก่อเหตุในคดีนี้ จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #บุหรี่ไฟฟ้า #พัสดุปริศนา #อาวุธปืนออนไลน์ #หลอกลงทุน #ฉ้อโกงออนไลน์ #บัญชีม้า #หลอกหารายได้พิเศษ
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB