ผบช.สอท. ร่วมปาฐกในโครงการประชุมวิชาการระดับชาติ ในหัวข้อ "การจัดการความปลอดภัยและเทคโนโลยีอาชญากรรมข้ามชาติ"
ผบช.สอท. ร่วมปาฐกในโครงการประชุมวิชาการระดับชาติ ในหัวข้อ "การจัดการความปลอดภัยและเทคโนโลยีอาชญากรรมข้ามชาติ"
“MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.18-19”
ตำรวจไซเบอร์รวบบัญชีม้าแก๊งปลอมเป็นตำรวจขอนแก่นขู่เอี่ยวค้ามนุษย์ พร้อมล่าขบวนการเนียนตีซี้แล้วหลอกลงทุน เหยื่อ 2 ราย เสียหายรวมกว่า 24.5 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
.
วันพุธที่ 23 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.18-19”ตำรวจไซเบอร์รวบบัญชีม้าแก๊งปลอมเป็นตำรวจขอนแก่นขู่เอี่ยวค้ามนุษย์พร้อมล่าขบวนการเนียนตีซี้แล้วหลอกลงทุน เหยื่อ 2 ราย เสียหายรวมกว่า 24.5 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 227.5 ล้านบาท โดยล่าสุดได้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ จำนวน 2 ราย รวมความเสียหายกว่า 24.5 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
.
กรณีที่ 1 รวบบัญชีม้าแก๊งปลอมเป็นตำรวจขอนแก่นขู่เอี่ยวค้ามนุษย์ เสียหายกว่า 5.5 ล้าน อายัดทัน 5 แสน
.
ผู้เสียหายเป็นอดีตข้าราชการครูบำนาญ อายุ 72 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้มีมิจฉาชีพโทรหาแอบอ้างตัวว่าชื่อ “หมวดบอน” เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.เมืองขอนแก่น โดยแจ้งว่าบุตรสาวอายุ 3 ขวบของผู้เสียหาย ถูกทำร้ายร่างกายและอยู่ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น แต่ความจริงแล้วผู้เสียหายไม่มีบุตรสาวแต่อย่างใด จึงได้ปฏิเสธ
.
ต่อมาคนร้ายขู่ว่า ผู้เสียหายโดนแอบอ้างชื่อ จึงให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่ระยะทางค่อนข้างไกล ผู้เสียหายจึงไปไม่ได้ คนร้ายจึงอาสาดำเนินการให้ โดยแจ้งว่าได้ประสานแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น ชื่อ นายแพทย์นนทวัฒน์ ศรีเฝ้า ให้เข้าไปแจ้งความแทนที่ สภ.เมืองขอนแก่น เสร็จแล้วจึงวางสายไป
หลังจากนั้น ได้มีคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรหาผู้เสียหายอีกครั้ง แล้วได้แจ้งว่า ต้องติดต่อกันผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์เท่านั้น ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สามารถใช้บัญชีไลน์ได้ ผู้เสียหายจึงเดินทางไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ตลาดกบินทร์บุรี โดยให้พนักงานร้านช่วยลงทะเบียนซิมและเปิดบัญชีไลน์ให้ ผู้เสียหายจึงได้แอดไลน์ชื่อ “สภ.เมืองขอนแก่น” และติดต่อกันในที่สุด
.
ต่อมา คนร้ายสั่งให้ผู้เสียหายส่งภาพบัตรประจำตัวประชาชนให้ดูเพื่อตรวจประวัติ จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์ ต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยให้มีเจ้าหน้าที่ ปปง. เป็นผู้ตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจึงสั่งให้โอนเงินไปรวมจำนวน 6 ครั้ง รวมความเสียหายทั้งสิ้น 5,520,000 บาท
จากกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ จนสามารถออกหมายจับได้แล้วหลายราย โดยล่าสุด พ.ต.อ.มนต์ขัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ศุภณัฎฐ์ เกตุแก้ว สว.กก.2 บก.สอท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ในสังกัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาในขบวนการ จนสามารถจับกุมตัวได้แล้วจำนวนหลายราย ในข้อหา “''ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง''”
.
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายติณณภพฯ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ไว้ได้เป็นจำนวน 500,000 บาท เบื้องต้น มารดาและน้องชายของนายติณณภพฯ ผู้ต้องหา ให้ถ้อยคำว่า นายติณณภพ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ จึงไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชี ตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
กรณีที่ 2 ล่าขบวนการเนียนตีซี้หลอกลงทุน เสียหายกว่า 19 ล้าน อายัดทัน 1 ล้าน
ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกคนร้ายปลอมโปรไฟล์เป็นบุคคลหน้าตาดีติดต่อหาผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นได้ชักชวนพูดคุย ตีสนิทจนเชื่อใจ เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง คนร้ายได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “GRWTOP” โดยคนร้ายได้แสดงข้อมูลกำไรที่อ้างว่าตนได้รับจากการลงทุนให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้เริ่มโอนเงินลงทุน
.
เมื่อลงทุนแล้ว คนร้ายได้แสดงตัวเลขผลกำไรในแพลตฟอร์มให้ผู้เสียหายดู แล้วหว่านล้อมให้ลงทุนเพิ่มและไม่ให้ถอนเงิน โดยทุกครั้งที่ลงทุนก็จะเห็นตัวเลขยอดผลกำไรในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เสียหายจึงนำเงินเก็บของตนเองมาลงทุนเพิ่มอีกหลายครั้ง ต่อมาผู้เสียหายต้องการถอนเงินลงทุนคืน แต่กลับไม่สามารถถอนได้ และคนร้ายก็ไม่ตอบแชท
จึงรู้ตัวว่าโดนหลอกลวง รวมโอนเงินไปทั้งหมด 33 ครั้ง ผ่านบัญชีคนร้าย 25 บัญชี รวมความเสียหายกว่า 19 ล้านบาท
.
จากกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับได้หลายราย รวมทั้ง นายสุรศักดิ์ฯ หนึ่งในเจ้าของบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมตัวต่อไป
.
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายสุรศักดิ์ฯ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้เป็นจำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งมีเส้นทางการเงินและหลักฐานชัดเจนจนเชื่อได้ว่าเป็นเงินของผู้เสียหายจริง
.
จากทั้ง 2 ปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอายัดเงินได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,500,000 บาท โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวนดังกล่าว มอบคืนให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #คืนเงิน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #บัญชีม้า
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB