ตร.ไซเบอร์ขยายผลเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์ รวบ 2 ผู้ร่วมขบวนการเอี่ยวฟอกเงิน พบเงินหมุนกว่า 100 ล้าน
ตร.ไซเบอร์ขยายผลเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์ รวบ 2 ผู้ร่วมขบวนการเอี่ยวฟอกเงิน พบเงินหมุนกว่า 100 ล้าน
ตร.ไซเบอร์ขยายผลเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์
รวบ 2 ผู้ร่วมขบวนการเอี่ยวฟอกเงิน พบเงินหมุนกว่า 100 ล้าน
พร้อมขยายผลช่องยูทูปอวดปืน “ตนมีฝีมือ” รวบหนุ่มวัย 19 พร้อมปืนเถื่อนเพียบ และ รวบ 2 สาวดาว X อัดคลิปโป๊เรียกน้ำย่อย ก่อนให้โอนเงินดูคลิปเต็ม ฟันรายได้ฉ่ำ
.
วันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.3 หมู่ 3 ถนนมิตรภาพ ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์ขยายผลเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์ รวบ 2 ผู้ร่วมขบวนการเอี่ยวฟอกเงิน พบเงินหมุนกว่า 100 ล้าน พร้อมขยายผลช่องยูทูปอวดปืน “ตนมีฝีมือ” รวบหนุ่มวัย 19 พร้อม ปืนเถื่อนเพียบ และ รวบ 2 สาวดาว X อัดคลิปโป๊เรียกน้ำย่อย ก่อนให้โอนเงินดูคลิปเต็ม ฟันรายได้ฉ่ำ
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับหวยออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.4 บก.สอท.3 ขยายผลเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่กาฬสินธุ์ รวบ 2 ผู้ร่วมขบวนการเอี่ยวฟอกเงิน พบเงินหมุนกว่า 100 ล้าน
.
สืบเนื่องจากกรณีสายตรวจไซเบอร์ กก.4 บก.สอท.3 ได้พบบัญชี Facebook รายหนึ่ง โพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับการรับหวยส่งหวย จนนำไปสู่การจับกุม น.ส.มนันยา หรือ แยม อายุ 31 ปี ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.68 ที่ผ่านมา จากนั้นได้สืบสวนขยายผลด้วยข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย อาทิ แชทเฟซบุ๊ก, แชทไลน์ และข้อมูลเส้นทางการเงิน ทำให้พบหลักฐานเชื่อมโยง
ไปยัง น.ส.สุดาภรณ์ หรือ ยุ ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้ามือหวยรายใหญ่ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์
.
โดย น.ส.สุดาภรณ์ หรือ ยุ มักมีพฤติกรรมชอบโพสต์สลิปโอนเงินตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนอวดโซเชียลเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในขบวนการดังกล่าวกว่า 20 ล้านบาท จนนำมาสู่การจับกุม น.ส.สุดาภรณ์ หรือ ยุ อายุ 35 ปี พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินของกลางรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจากการจับกุมเจ้ามือหวยรายดังกล่าว กระทั่งพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยัง น.ส.ปรียาลักษณ์ หรือ เนย อายุ 29 ปี และ นายตระการ หรือ ต้น อายุ 41 ปี จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เบื้องต้นพบว่า บัญชีธนาคารของบุคคลทั้ง 2 ราย มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จากการการสืบสวนยังพบอีกว่า ทั้ง 2 ราย ได้นำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปแปรเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนและปกปิดแหล่งที่มาของเงินเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ด้วยการเปิดกิจการและทำธุรกิจต่างๆ อาทิ ตลาดกลางคืน (Night Market), สนามฟุตบอลหญ้าเทียม, ร้านกาแฟ (Café), คลินิกเสริมความงาม, ร้านอาหาร เป็นต้น
.
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 รายเพิ่มเติม กระทั่ง พ.ต.ท.มิตร คนชุม และ พ.ต.ท.วินัย สุโขพืช รอง ผกก.4 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ ค.256/2568 ลงวันที่ 16 มิ.ย.68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.ปรียาลักษณ์ หรือ เนย อายุ 29 ปี และ นายตระการ หรือ ต้น ผู้ต้องหาตามหมายจับ
ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เบื้องต้นไม่พบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 ราย แต่จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดทรัพย์สินของกลางที่คาดว่าได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการ ทั้งรถยนต์, กระเป๋าแบรนด์เนม และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
.
โดยความคืบหน้าล่าสุดนั้น น.ส.ปรียาลักษณ์ หรือ เนย และ นายตระการ หรือ ต้น ผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 ราย ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 ณ ที่ทำการ กก.4 บก.สอท.3 (ขอนแก่น) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวพร้อมดำเนินคดีในข้อหา “จัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (หวยออนไลน์) ในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาติจากเจ้าพนันงาน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำการฟอกเงิน” อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพในข้อหาเกี่ยวกับการจัดให้เล่นหวยออนไลน์ แต่ขอปฏิเสธในข้อหาเกี่ยวกับการสมคบฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ขยายผลช่องยูทูปอวดปืน “ตนมีฝีมือ” รวบหนุ่มวัย 19 พร้อมปืนเถื่อนเพียบ
.
สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ตำรวจไซเบอร์ - บช.สอท.” ว่าพบบัญชี YouTube ชื่อ “ตนมีฝีมือ” ได้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายลำกล้องอาวุธปืน โดยมักโพสต์ข้อความและรูปภาพให้คนทั่วไปเห็น และใช้ช่องทางติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวเพื่อติดต่อขอซื้อลำกล้องปืน จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 2,050 บาท โดยให้ส่งสินค้ามาทางพัสดุ ปรากฏว่าเมื่อได้รับพัสดุดังกล่าว พบว่าเป็นลำกล้องปืนตรงตามที่สั่งจริง จึงได้สืบสวนไปยังที่มาของพัสดุดังกล่าว กระทั่งสามารถเข้าจับกุมเจ้าของช่อง YouTube ดังกล่าวได้สำเร็จ
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจากข้อมูลการส่งพัสดุ จนพบว่ามีผู้สั่งซื้อรายหนึ่งได้สั่งซื้อสินค้าจากช่องดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเป็นพัสดุที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นสถานที่เป้าหมายได้สำเร็จ
.
ต่อมา พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก., พ.ต.ท.สมพร บุตรวงศ์ และ พ.ต.ท.นราภพ นวลเท่า สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท 3, นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 74/2568 ลงวันที่ 19 มิ.ย.68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งพในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
.
จากการเข้าตรวจค้น พบนายคณาวุฒิ อายุ 19 ปี พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบของกลาง จำนวน 7 รายการ ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน ดังนี้
1. อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก
2. อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
3. อาวุธปืนปากกาไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
4. อาวุธปืนปากกาไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
5. กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด
6. กระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด
7. ซองอาวุธปืนแบบหนัง จำนวน 1 ซอง
.
จากการสอบถาม เบื้องต้นนายคณาวุฒิ ให้ข้อมูลว่า ของกลางตามรายการดังกล่าวตนเองได้สั่งซื้อทางออนไลน์มาจริง โดยมีไว้เพื่อสะสม และเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองจากคู่อริ
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.2 บก.สอท.3 รวบ 2 สาวดาว X อัดคลิปโป๊เรียกน้ำย่อย ก่อนให้โอนเงินดูคลิปเต็ม ฟันรายได้ฉ่ำ
.
สืบเนื่องจากสายตรวจไซเบอร์ กก.2 บก.สอท.3 ได้ลาดตระเวนบนสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิด ต่อมาได้ตรวจพบบัญชี “X”(Twitter) จำนวน 2 บัญชี ชื่อ “Earn” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 2.5 แสนบัญชี และ “Nookie Top onlyfans 1.8%” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5 แสนบัญชี ได้โพสต์วิดีโอในลักษณะลามกอนาจาร โป๊เปลือย และคลิปการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเปิดการมองเห็นเป็นสาธารณะ ทำให้บุคคลทั่วไปแม้ไม่ได้กดติดตามก็สามารถเข้าถึงและมองเห็นได้ และได้แปะ QR Code รับสำหรับโอนเงิน เพื่อสมัครเข้ารับชมคลิปวีดีโอลามกอนาจารอื่นๆ
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้หญิงที่ปรากฏในวิดีโอของบัญชี “Earn” คือ น.ส.อารียา อายุ 25 ปี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองขอนแก่น และ ผู้หญิงที่ปรากฏในวิดีโอของบัญชี “Nookie Top onlyfans 1.8%” คือ น.ส.ปภัสรินทร์ อายุ 32 ปี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองสมุทรปราการ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับได้สำเร็จ
.
ต่อมา พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิชชานันท์ ผกก.2 บก.สอท.3 ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง รอง ผกก.ฯ พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิษณุ กินกิ่ง, พ.ต.ท.ธเนตร กาละกุล, พ.ต.ต.ชัยเมศวร์ เนติวิมลศิลป์ สว.กก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ดังนี้
.
จุดที่ 1 ห้องพักภายในหอพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ตามหมายค้นศาลจังหวัดขอนแก่นที่ 278/2568 ลงวันที่ 26 มิ.ย.68 พบ น.ส.อารียา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ IPhone 11 ของผู้ต้องหา พบข้อมูลภาพ คลิปวีดีโอ ตามที่ปรากฎในแอปพลิเคชัน “X” และพบการล็อกอินเข้าใช้บัญชีชื่อ “Earn” ในแอปพลิเคชัน “X”
.
เบื้องต้น เจ้าตัวยอมรับสารภาพว่าทำมาแล้วประมาณ 1 ปี สร้างรายได้ประมาณ 40,000 - 70,000 บาท ต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จุดที่ 2 บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวบริเวณดังกล่าวและในพื้นที่เพื่อเฝ้าติดตามเป้าหมาย กระทั่งพบ นางสาวปภัสรินทร์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 3509/2568 ลงวันที่ 16 มิ.ย.68 ได้เดินออกมาบริเวณถนนสาธารณะหน้าปากซอย จึงได้แสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับ ในข้อหา “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” เบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยว่าสามารถทำรายได้ประมาณ 100,000 บาท ต่อเดือน จึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB