MONEY CASH BACK EP.11 - 12 ตำรวจไซเบอร์ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืนต่อเนื่อง ตามอายัดทันอีกรวมกว่า 1.3 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย 2 ราย
MONEY CASH BACK EP.11 - 12 ตำรวจไซเบอร์ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืนต่อเนื่อง ตามอายัดทันอีกรวมกว่า 1.3 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย 2 ราย
MONEY CASH BACK EP.11 - 12
ตำรวจไซเบอร์ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืนต่อเนื่อง
ตามอายัดทันอีกรวมกว่า 1.3 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย 2 ราย
.
วันอังคารที่ 17 มิ.ย.68 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.11 ตำรวจไซเบอร์รวบยกแก๊งเครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นน้ำมัน สูญกว่า 2 ล้าน ตามอายัดทัน 7.5 แสน นำคืนผู้เสียหาย” และ “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.12” ตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งอ้างแบรนด์ร้านอาหารดังหลอกเทรดหุ้น เสียหายกว่า 2.7 ล้าน ตามอายัดทันเกือบ 6.2 แสน นำคืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการ ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “Money Cash Back” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 7.5 ล้านบาท
.
EP.11 ตำรวจไซเบอร์รวบยกแก๊งเครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นน้ำมัน สูญกว่า 2 ล้าน ตามอายัดทัน 7.5 แสน นำคืนผู้เสียหาย”
ได้มีกรณีเมื่อช่วงเดือน พ.ย.67 ผู้เสียหายได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ โดยผู้เสียหายมีความสนใจเรื่องหุ้น ต่อมา เพื่อนของผู้เสียหายจึงแนะนำให้ผู้เสียหายลงทุนหุ้นน้ำมัน BP อ้างว่าได้ผลกำไรดี จากนั้นได้แนะนำผู้เสียหายให้รู้จักกับ นายพรเทพฯ โดยบอกว่า นายพรเทพฯ ลงทุนหุ้นน้ำมันอยู่ก่อนแล้วและเป็นคนที่ลงทุนเก่ง ผู้เสียหายจึงได้เริ่มติดต่อพูดคุยกับนายพรเทพฯ
จากนั้น นายพรเทพฯ ได้แนะนำให้ผู้เสียหายติดต่อกับแอดมินของ BP เพื่อสมัครสมาชิก โดยนายพรเทพฯ แจ้งว่าให้ลงทุนน้ำมันกับนายพรเทพ แล้วจะแบ่งผลกำไรกันตามเงินที่ลงทุนไป ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปยังบัญชีที่คนร้ายที่จัดเตรียมไว้รวม จำนวน 7 บัญชี รวมเป็นจำนวนเงิน 2,027,575 บาท ซึ่งจากการลงทุนดังกล่าว ผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนคืนมาแค่ในช่วงแรก รวมเป็นจำนวนเงิน 193,501 บาท
แต่ภายหลัง คนร้ายแจ้งว่าผู้เสียหายทำรายการถอนเงินไม่ถูกต้อง จึงต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไขรายการถอนเงิน และคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดกฎต่างๆ สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จริง จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายในเวลาต่อมา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิด ในขบวนการดังกล่าวได้แล้ว จำนวน 6 ราย โดยล่าสุด พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย, พ.ต.ท.รังสรรค์ แสงรูจี, พ.ต.ท.ภาสกร กันประดับ, และ พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว จำนวน 5 ราย ได้แก่
1. น.ส.ธันยนันท์ อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี
2. น.ส.บุษยา อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จังหวัดเพชรบุรี
3. นายธีรวัฒน์ อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย
4. นายสุรศักดิ์ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา
5. นาย วีรยุทธ อายุ 41 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร จับกุมตัวได้ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร
ส่วนที่เหลืออีก 1 รายอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า พวกตนได้เปิดบัญชีธนาคารแล้วขายให้แก่นายหน้าที่รับซื้อ ในราคา 7,000-10,000 บาทต่อบัญชี โดยนายหน้าส่วนใหญ่ อ้างว่านำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพียงเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไหมว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ท่านจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
โดยล่าสุดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้จำนวน 750,000 บาท ซึ่งเป็นบัญชีของ น.ส.ธันยนันท์ อายุ 52 ปี
โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าวมีเงินของผู้เสียหาย จำนวน 750,000 บาท ได้ถูกโอนเข้ามาตามวันและเวลาตรงตามหลักฐานของผู้เสียหาย จึงเป็นหลักฐานแน่ชัดว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายนี้จริง
ในส่วน น.ส.ธันยนันท์ ผู้ต้องหา รับทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด และตนเองขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 750,000 บาท เนื่องจากตนเองรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนเองไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้
วันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน 750,000 บาท มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
EP.12 ตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งอ้างแบรนด์ร้านอาหารดังหลอกเทรดหุ้น เสียหายกว่า 2.7 ล้าน ตามอายัดทันเกือบ 6.2 แสน นำคืนผู้เสียหาย
ได้มีกรณีเมื่อช่วงเดือน เม.ย.68 ผู้เสียหายมีความสนใจในการลงทุนเกี่ยวกับการเทรดหุ้น จึงได้ลองค้นหาความรู้เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนบนอินเทอร์เน็ต กระทั่งได้พบกับบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “OHKAJHU.Official”
ซึ่งได้โพสต์โฆษณาชักชวนให้ลงทุนและเทรดหุ้นที่ได้ผลตอบแทนสูง โดยแอบอ้างแบรนด์ร้านอาหารเพื่อสุขภาพชื่อดัง “โอ้กะจู๋”
ผู้เสียหายสนใจจึงได้แอดไลน์ ชื่อ “OHKAJHU.Official” จากนั้นได้เริ่มพูดคุยกับแอดมินผ่านบัญชีไลน์ดังกล่าว และมีโบรกเกอร์มาดูแลเรื่องการลงทุน แล้วได้แนะนำให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้นรายวันซึ่งมีผลตอบแทนสูง จากนั้นโบรกเกอร์ ได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุน ต่อมาพบว่าการลงทุนมียอดกำไรในระบบสูงลิ่ว ซึ่งโบรกเกอร์แจ้งว่าหลังจบโครงการแล้ว สมาชิกสามารถเบิกถอนเงินต้นพร้อมกำไรได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายเมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ รวมความเสียหายเป็นเงินทั้งหมด 2,749,524.22 บาท
ต่อมา พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า น.ส.ภัทรสินีฯ อายุ 43 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้กระทำความผิด ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้เดินทางไปเพื่อส่งหมายเรียกดังกล่าว เมื่อพบตัว น.ส.ภัทรสินีฯ เจ้าตัวรับทราบเหตุดังกล่าว จึงยินดีเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก
พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนตามกระบวนการกฎหมาย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
เบื้องต้น น.ส.ภัทรสินีฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเคยเปิดบัญชีธนาคารให้คนอื่นจริง โดยได้ค่าตอบแทนเป็นเงินสด จำนวน 4,000 บาท
จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของ น.ส.ภัทรสินีฯ ผู้ต้องหา ไว้ได้จำนวน 619,182.73 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าวมีเงินของผู้เสียหาย จำนวน 619,182.73 บาท ได้ถูกโอนเข้ามาตามวันและเวลาตรงตามหลักฐานของผู้เสียหาย จึงเป็นหลักฐานแน่ชัดว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายนี้จริง
น.ส.ภัทรสินีฯ เองรับทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด และตนเองขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 619,182.73 บาท เนื่องจากตนเองรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนเองไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้
วันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงิน จำนวน 619,182.73 บาท มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”
.
#ตำรวจไซเบอร์ #MoneyCashBack #ปิดบัญชีตามล่าม้าคว้าเงินคืน
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB