ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายโจรออนไลน์ ตามรวบแก๊งมิจฉาชีพและเว็บพนันถึงบ้าน
ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายโจรออนไลน์ ตามรวบแก๊งมิจฉาชีพและเว็บพนันถึงบ้าน
ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายโจรออนไลน์ ตามรวบแก๊งมิจฉาชีพและเว็บพนันถึงบ้าน
.
วันอังคารที่ 18 มี.ค.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร
รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต. ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง
ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายโจรออนไลน์ ตามรวบแก๊งมิจฉาชีพและเว็บพนันถึงบ้าน
.
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้แต่ละกองบังคับการเร่งระดมกวาดล้างจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้แก่พี่น้องประชาชน จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 8 ปฏิบัติการดังนี้
--------------------------------
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.1 บก.สอท.1 จับกุมเครือข่ายหลอกสมัครสมาชิก KING POWER สูญเงิน กว่า 4 แสนบาท
พ.ต.ท.โชคชัย แสงอยู่ สว.กก.1 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด เข้าจับกุมนางสาวจันทร์จิรา อายุ 22 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 5495/2567 ลงวันที่ 13 พ.ย.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่ร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านพระราม 3
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกชักชวนผ่านทาง facebook ให้ลงทุนโดยให้สมัครเป็นสมาชิก
ของ King Power Online หลังจากนั้นจึงดึงเข้ากลุ่ม Line โดยชวนให้ลงทุนโดยหลอกให้โอนเงินเพื่อซื้อหุ้นที่ของบริษัท King power เพื่อทำกำไร ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเงินไปทั้งหมด รวมเป็นเงินจำนวน 427,088 บาท จากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย
--------------------------
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.2 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกโอนเงินลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล สูญเงินกว่า 1.5 ล้านบาท
พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ นราศรี สว.กก.2 บก.สอท.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมกันจับกุม น.ส.กัญญาพร อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.98/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอันเป็นปกติธุระ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และร่วมกันฟอกเงิน
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อระหว่างวันที่ 10 ก.ย.67- 12 ต.ค.67 ผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายซึ่งใช้ภาพบุโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี เข้ามาตีสนิทและชักชวนให้ลงทุนซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยส่งลิงก์แพลตฟอร์มลงทุน ปลอม ชื่อ "streaming service " มาให้โอนเงินลงทุน เมื่อลงทุนครั้งแรกปรากฏว่า ได้ผลกำไรดีและสามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายมั่นใจจึงเข้าไปลงทุนหลายครั้งโดยคนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารบุคคลหลายบัญชี จำนวน 9 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,570.000 บาท หลังจากนั้นผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้อีกเลย
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่าได้มีเพื่อมมาชักชวนให้ตนเปิดบัญชีธนาคาร โดยได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 800 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองลำพูน มาแล้ว 1 คดี จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเพิ่มอีก 1 คดี
---------------------------------
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.4 บก.สอท.3 รวบเครือข่ายตีสนิทหลอกลงทุนออนไลน์ สูญเงินกว่า 6 แสนบาท
พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.4 บก.สอท.3 นำกำลังเข้าจับกุม นายศตวรรษ อายุ 30 ปี ในข้อหา “สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นและเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน” โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.บึงบอน
อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องมากจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.66 ผู้เสียหายได้สมัครใช้งานแอปพลิเคชัน BLUED ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ ต่อมาได้มีบุคคลปริศนาใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีแอดมาเป็นเพื่อน ภายหลักเมื่อเริ่มมีความสนิทสนมกันจึงได้โดนชักชวนให้ลงทุนโปรโมทสินค้ากับแอปพลิเคชันชื่อ “G marker” สุดท้ายสูญเงินไปทั้งสิ้นจำนวน 613,898.20 บาท เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การใดใด แต่เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าว
มีความเชื่อมโยงไปยังคดีอื่นอีก 22 เคสไอดี รวมความเสียหาย 3,396,973 บาท
----------------------------
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3
พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 และ พ.ต.ท.สมพร บุตรวงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมด้วยกำลังในสังกัด นำกำลังเข้าจับกุม นายชวลิต อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น
ที่ จ 242/2568 ลงวันที่ 5 มี.ค.68 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันกระทำการโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป้นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด”
.
โดยในคดีนี้ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกให้กดลิงก์เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันซึ่งผู้เสียหายคาดว่าน่าจะเป็นโปรแกรมควบคุมโทรศัพท์ ทำให้เงินถูกโอนออกจากบัญชีกว่า 40,000 บาท
-------------------------------
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.1 บก.สอท.4 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนผ่านติ๊กตอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.4 ร่วมกันจับกุม นายกรวิชญ์ อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี
ที่ จ.819/2567 ลงวันที่ 28 ส.ค.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยควบคุมตัวได้ที่ บ้านพักในพื้นที่ ม.12
ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก อีกด้วย
.
โดยการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีมีผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายติดต่อผ่าน TikTok แล้วชวนพูดคุยเชิงชู้สาว จนผู้เสียหายไว้ใจ หลังจากนั้นถูกชักชวนให้ลงทุนเทรดเงินดิจิทัล ช่วงแรกถอนเงินได้ปกติ แต่เมื่อลงทุนมากขึ้นกลับไม่สามารถถอนเงินได้ สุดท้ายสูญเงินไปกว่า 1,100,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้ต้องหายังมีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงออนไลน์อื่นอีกจำนวน 10 คดี
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมเปิดเผยข้อมูลว่า ช่วงประมาณปี พ.ศ.2550 - 2560 ตนเคยทำงานรับจ้างขับรถบรรทุกขนส่งก๊าซ LPG ให้แก่บริษัทหลายแห่งในพื้นที่ จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา โดยได้มอบบัญชีธนาคารให้แก่นายจ้างไว้เพื่อให้โอนเงินค่าจ้างให้แก่ตน เมื่อผู้ต้องหาได้ลาออกจากบริษัทที่เคยทำงานแล้วเปลี่ยนไปทำงานที่บริษัทใหม่ ก็จะเปิดบัญชีธนาคารใหม่เพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพื่อมอบให้นายจ้างไว้โอนเงินค่าจ้างเข้าบัญชีธนาคาร แต่เมื่อช่วงหลังจากปี พ.ศ.2560 ผู้ต้องหาได้เลิกทำงานรับจ้างขับรถบรรทุกแล้ว ก็ไม่ได้แจ้งปิดบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ให้แก่นายจ้างแต่อย่างใด ตนจึงเชื่อว่าสาเหตุนี้ อาจทำให้ตนอาจถูกนำบัญชีไปใช้ในการกระทำความผิด
---------------------------
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายหลอกหารายได้ออนไลน์ ลวงเหยื่อสำรองเงินก่อนชิ่งหายกว่าแสนบาท
พ.ต.ท.ร่มไทร ไทรงาม สว.กก.3 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าจับกุม น.ส.สุมินตรา อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 73/2568 ลง 20 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมก้นนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้ที่ริมถนนหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2566 ผู้เสียหายรายหนี่งได้พบเพจประกาศรับสมัครงานเพื่อหารายได้เสริม โดยอ้างว่าเป็นงานประเภทการเพิ่มยอดขายให้ ลาซาด้า ชอปปี้ หรือ วัตสัน โดยใช้กลอุบายให้ผู้เสียหายสำรองจ่ายเงินไปก่อนเพื่อปลดล็อกภารกิจ หากทำครบถ้วนแล้วจึงค่อยสามารถเบิกถอนเงินคืนได้พร้อมค่าคอมมิชชั่น สุดท้ายสูญเงินไปทั้งสิ้นกว่า 1 แสนบาท
.
เบื้องต้น น.ส.สุมินตราฯ ยังคงให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าตนได้ใช้บัญชีธนาคารสมัครเล่นเกมส์ออนไลน์และ
หารายได้เพิ่ม จึงได้มอบบัญชีธนาคารให้ผู้แนะนำผ่านเกมส์ออนไลน์เพื่อใช้ในการแบ่งรายได้ ต่อมาไม่สามารถติดต่อบุคคลดังกล่าวได้ จนกระทั่งถูกออกหมายจับและมาถูกจับกุมในที่สุด
---------------------------------
ปฏิบัติการที่ 7 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายอ้างเป็นธนาคารหลอกโอนเงิน 1.8 ล้าน
พ.ต.ต.ธีรวัฒน์ สมศิริ สว.กก.3 บก.สอท.5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าร่วมจับกุม นายจัักรพงษ์
อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3530/2567 ลง 31 ก.ค.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดนแสดงตนเป็นคนอื่นฯ และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบริษัทปิโตรเลียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วง ธ.ค.65 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมียอดค้างชำระค่าบัตรเครดิตและมีคนนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหายไปใช้ในทางผิดกฎหมาย และได้หลอกให้ผู้เสียหายติดต่อไปยังกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน และข่มขู่ว่าตอนนี้ผู้เสียหายมีความผิดต้องยึดทรัพย์สินและถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน และยังขู่อีกว่าห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งใคร เนื่องจากเป็นความลับทางราชการ จนผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงได้โอนเงินทั้งหมด
ของตนเองไปกว่า 1.8 ล้านบาท
สอบถามนายจักรพันธ์ฯ เบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองได้ใช้บัญชีธนาคารในการสมัครกู้เงินออนไลน์จากโซเชียลมีเดีย แต่ภายหลังเพิ่งทราบว่าถูกนำไปใช้เป็นบัญชีม้าในขบวนการ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์
--------------------------------------
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.3 บก.สอท.5 จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
พ.ต.ท.ร่มไทร ไทรงาม สว.กก.3 บก.สอท.5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าจับกุม นางสาวอรวรรณ
อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 212/2567 ลง 15 ม.ค.67 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะ เหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
.
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้รับร้องเรียนกรณีมีเว็บพนันออนไลน์ชื่อ Clubred666 ได้เปิดรับแทงพนันและมีการเล่นได้เสียเงินกัน ซึ่งอาจทำให้เยาวชนหลงเข้าไปสู่การติดพนันได้
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินทั้งกลุ่มบัญชีม้าและผู้รับผลประโยชน์ และมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด แต่ยังมีผู้ต้องหาบางราย
ที่ยังหลบหนีการจับกุม จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 สามารถติดตามจับกุมตัว
นางอรวรรณ มาดำเนินคดีได้ในที่สุด โดยเบื้องต้น นางอรวรรณฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเพื่อนของตนได้ยืมบัญชีธนาคารไปเพื่อประกอบธุรกิจค้าขายออนไลน์ แต่ภายหลังไม่สามารถติดต่อกันได้อีก
.
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไซเบอร์ยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนและปราบปรามการกระทำความผิดบนโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมขยายผลเพื่อเชื่อมโยงไปยังระดับผู้ปฏิบัติรายอื่นๆ จนสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการทุกคดี เพื่อเร่งนำตัวผู้ต้องหาทั้งขบวนการมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ #จับกุมมิจฉาชีพ #เว็บพนันออนไลน์ #จับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพ #ปกป้องประชาชน #ปฏิบัติการจับกุม #อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
#สืบสวนตำรวจไซเบอร์ #ภัยออนไลน์ #เทคโนโลยีปลอดภัย #คดีมิจฉาชีพ
#จัดการเว็บพนัน #รัฐบาลไทย #DigitalDisruption #ฟอกเงินออนไลน์
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB