ตำรวจไซเบอร์ร่วมปฏิบัติการ "ธรณีนี้มีขื่อมีแป" กวาดล้างอาวุธปืนและรวบโจรออนไลน์หนีหมายจับอีกหลายคดี
ตำรวจไซเบอร์ร่วมปฏิบัติการ "ธรณีนี้มีขื่อมีแป" กวาดล้างอาวุธปืนและรวบโจรออนไลน์หนีหมายจับอีกหลายคดี
ตำรวจไซเบอร์ร่วมปฏิบัติการ "ธรณีนี้มีขื่อมีแป"
กวาดล้างอาวุธปืนและรวบโจรออนไลน์หนีหมายจับอีกหลายคดี
.
วันเสาร์ที่ 22 มี.ค.68 เวลา 11.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์
คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง
ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ร่วมปฏิบัติการ "ธรณีนี้มีขื่อมีแป" กวาดล้างอาวุธปืนและรวบโจรออนไลน์หนีหมายจับอีกหลายคดี
.
ร่วมปฏิบัติการ "ธรณีนี้มือขื่อมีแป" กวาดล้างอาวุธปืนผิดกฎหมาย
ตร.ไซเบอร์รวบ “อ๊อฟ อันตราย” ขายปืนออนไลน์หาเงินแต่งเมีย
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้สืบสวนพบการซื้อขายอาวุธปืนออนไลน์ทางกลุ่ม Facebook ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะที่มีสมาชิกกว่า 10,000 คน จากการสืบสวนพบว่า
มีการติดต่อซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมายในกลุ่มดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ล่อซื้ออาวุธปืนจากบุคคลในกลุ่มดังกล่าว พบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “อ๊อฟ อันตราย” ได้ตกลงขายอาวุธปืนจำนวน
1 กระบอก โดยนัดส่งมอบกันบริเวณถนนทางเข้าเรือนจำจังหวัดระยอง ต่อมานายสุนทร หรือ อ๊อฟ อายุ 21 ปี ได้ขับรถจักรยานยนต์มาส่งสินค้าตามที่ได้ตกลงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมเข้าตรวจค้น พบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 นัด สอบถาม ผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางดังกล่าวเป็นของตนจริง โดยซื้อมาจากกลุ่มไลน์เพื่อนำมาขายต่อ เพื่อสะสมเงินกำไรที่ได้ไปแต่งงาน จึงได้ตรวจยึดของกลางดังกล่าวพร้อมรถจักรยานยนต์ และแจ้งข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” และ “พาอาวุธปืนติดตัว
ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 10 ปฏิบัติการ
ปฏิบัติการที่ 1 : ตร.ไซเบอร์รวบเครือข่ายหลอกทำภารกิจออนไลน์ อ้างนัดเดทสาวแล้วได้เงิน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้ถูกชักชวนผ่านทาง facebook ให้ทำงานออนไลน์ โดยทำภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อแลกรายได้เป็นผลตอบแทนสูง โดยให้โอนเงินเพื่อทำภารกิจนัดเดทสาวผ่านแพลตฟอร์ม
ชื่อ Zoosk เมื่อภารกิจสำเร็จจะได้รับผลตอบแทนมากถึง 20-40 เปอร์เซ็นต์ และสามารถออกเดทกับสาวที่เลือกได้ สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน 10 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 65,000 บาท
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย กระทั่ง กก.1 บก.สอท.1
ได้นำหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 84/2568 ลงวันที่ 17 ม.ค.68 เข้าจับกุมนายวินิตย์ อายุ 36 ปี พนักงานของอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยควบคุมตัวได้บริเวณ ริมถนนนเรศวร ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำส่งดำเนินคดี
ตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 2 : ตำรวจไซเบอร์รวบเอเยนต์บัญชีม้า ขายบัญชีพร้อมบัตร ATM และแอปธนาคาร
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.1 ได้สืบสวนพบกลุ่มซื้อขายสมุดบัญชีธนาคารบนแอปพลิเคชัน Facebook จึงได้แฝงตัวเข้าไปเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิด ต่อมาได้ติดต่อล่อซื้อบัญชีธนาคารจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยได้เสนอขายสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 บัญชี ในราคาบัญชีละ 5,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งแอป Mobile Banking ของบัญชีธนาคารดังกล่าวในราคาเครื่องละ 2,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 17,000 บาท
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดส่งมอบของบริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ
อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อผู้ต้องหาได้เดินทางมาส่งมอบสมุดบัญชีธนาคารและโทรศัพท์มือถือ และผู้ต้องหาได้รับเงิน จำนวน 17,000 บาทเรียบร้อยแล้ว จึงได้แสดงตัวพร้อมตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ
สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรกดเงินสด (ATM) พร้อมจับกุมตัว นายฉัตรชัย อายุ 30 ปี ในข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือ ไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือ ให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 3 : ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายหลอกลงทุนคริปโตคาสนามบินสุวรรณภูมิ
สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายถูกผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งติดต่อมาพูดคุยจนสนิทสนม และชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนบิทคอยน์ในแอปพลิเคชันชื่อ “Kucoin” โดยอ้างว่าตนเองเคยทำมาก่อนแล้วได้เงินดี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปหลายครั้ง รวมทั้งสิ้นไปประมาณ 6,252,012 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยว นำหมายจับศาลอาญา
ที่ 3554/2567 ลงวันที่ 31 ก.ค.67 เข้าจับกุมนายสุชาติ อายุ 26 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่ ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะผู้ต้องหาเพิ่งเดินทางกลับจากรับจ้างทำงานก่อสร้างในต่างประเทศ นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 รวบเครือข่ายหลอกทำงานออนไลน์ เชื่อมโยง 10 คดี เสียหายรวมกว่า 2 ล้าน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้หางานในเฟซบุ๊ก ต่อมาได้พบคนร้ายใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า “กลุ่มหางาน เมืองทอง
ปากเกร็ด นนทบุรี” โดยได้ลงโพสต์ประกาศรับสมัครคนที่ต้องการหารายได้เสริม ผู้เสียหายสนใจจึงได้ติดต่อพูดคุยกับคนร้าย ต่อมาตนร้ายได้ชักชวนให้โอนเงินทำภารกิจ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน
หลายครั้ง แต่ไม่เคยได้รับผลตอบแทนกลับมา
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับเข้าจับกุม น.ส.สุรพรพรรณ อายุ 37 ปี ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลบิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยผู้ต้องหาดังกล่าวมีหมายจับติดตัวทั้งหมด 4 หมายจับ ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี, ศาลแขวงขอนแก่น, ศาลจังหวัดเกาะสมุย และศาลจังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งยังเชื่อมโยงการกระทำผิดในระบบรับแจ้งความออนไลน์อีก จำนวน 10 เคสไอดี มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000,000 บาท
.
ปฏิบัติการที่ 5 : รวบเครือข่ายหลอกแจกบำเหน็จบำนาญ ส่งลิงก์หลอกดูดเงินเกลี้ยงบัญชีกว่า 1.3 ล้าน
สืบเนื่องจากได้มีคนร้ายโทรหาผู้เสียหายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง แจ้งว่าผู้เสียหายมีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ เป็นเงินจำนวน 125,000 บาท ต่อมาคนร้ายได้ส่งลิงก์ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัว
และแจ้งให้ผู้เสียหายทำยอดเงินในบัญชีธนาคารให้กลายเป็นศูนย์เพื่อง่ายต่อการรับเงิน ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินรวมไว้บัญชีเดียว จากนั้นคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหายกดลิงก์ชื่อ “digital pension” แล้วให้ผู้เสียหายสแกนใบหน้า ถ่ายบัตรประชาชนด้านหน้าและด้านหลัง และทำตามขั้นตอนอื่นๆที่คนร้ายบอก สุดท้ายพบว่า เงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปทั้งหมด 5 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 1,330,306 บาท
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.2 ได้นำหมายจับศาลอาญา จ.3358/2567 ลงวันที่ 18 ก.ค.67 เข้าจับกุมตัว นางสาวจุฑามาศ
อายุ 23 ปี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่น” เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธ จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 6 : รวบเครือข่ายปลอมเป็นสาวหน้าตาดี หลอกลงทุนเทรดหุ้นทองเสียหายกว่า 6.5 ล้าน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากบัญชีผู้ใช้ Line แปลกหน้า ซึ่งใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงหน้าตาดี
อ้างว่าทำธุรกิจร้านกาแฟที่ภาคเหนือ ซึ่งตัวผู้เสียหายเองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านกาแฟอยู่แล้ว จึงได้พูดคุยกันและวิดีโอคอลหากันจนเกิดความสนิทสนม ต่อมา คนร้ายได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้นทองคำผ่าน
แอปพลิเคชัน ALPACA โดยให้ลงทุนในนามกิ๊กของคนร้าย สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน 13 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 6,512,655 บาท และไม่เคยได้รับกำไรกลับมาตามที่กล่าวอ้าง
.
ต่อมา บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้จำนวน 11 ราย กระทั่งวันที่ 21 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1
ได้ร่วมกันนำหมายจับศาลอาญา ที่ 1858/2568 ลงวันที่ 17 มี.ค.68 เข้าจับกุมนายศุภชัย หรือ ชัย อายุ 37 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ ม.3 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 7 : ตำรวจไซเบอร์รวบไรเดอร์สาว 5 หมายจับ เครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์
สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้ถูกร้ายติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อได้พูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมแล้ว คนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนออนไลน์ โดยอ้างว่าได้กำไรตอบแทนในระยะสั้นดี ผู้เสียหายจึงโอนเงินลงทุนไป 5 ครั้ง ครั้งละ
500- 5,000 บาท โดยในช่วงแรกได้กำไรประมาณ 20-40% และสามารถถอนเงินได้ปกติ จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่าลงทุนแล้วได้กำไรจริง จึงลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ โดยยอดเงินสุดท้ายที่โอนไปจำนวน 50,000 บาท จากนั้นก็
ไม่สามารถโอนเงินหรือติดต่อกับคนร้ายได้อีกเลย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้ กระทั่ง กก.2 บก.สอท.4 ได้นำหมายจับเข้าจับกุม น.ส.วริสิตรา อายุ 31 ปี พนักงานไรเดอร์ของบริษัทหนึ่ง ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือผู้อื่น”
.
โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวยังได้ถูกออกหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันถึง 5 หมายจับ ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี, ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด, ศาลจังหวัดปัตตานี จำนวน 2 หมาย และ ศาลจังหวัดหล่มสัก
.
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดมาก่อน หลังพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณปี 2565 ตนก็ได้ทำงานเกี่ยวกับขายเสื้อผ้าออนไลน์ แต่เนื่องจากขายไม่ดี และจำเป็นต้องใช้เงินผ่อนรถยนต์ จึงมีเพื่อนแนะนำให้เปิดบัญชีธนาคารและเปิดเบอร์โทรศัพท์ให้ โดยมีค่าตอบแทนรายเดือน จำนวน 7,000 บาทต่อเดือน ตนจึงตกลงเปิดบัญชีธนาคารไป 3 บัญชี แต่ได้ค่าตอบแทนมาแค่ครั้งเดียว จำนวน 4,000 บาท และไม่ได้ค่าตอบแทนรายเดือนตามที่ตกลงกัน หลังจากเปิดบัญชีได้ประมาณ3-4 เดือน ตนก็ถูกตำรวจจับเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงประชาชน ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังได้ประกันตัวตนก็หลบหนีเรื่อยมา และทราบดีว่าตัวเองมีหมายจับติดตัวอีกหลายหมายจับ กระทั่งถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมในที่สุด
.
ปฏิบัติการที่ 8 : ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายหลอกลวงเป็นสายการบินชื่อดัง หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับข้อความจากบริษัทไลออรแอร์ ขอมอบคูปองบินฟรี จำนวน 1 ใบ จึงหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนทางไลน์ ทำตามขั้นตอนการรับสิทธิ์ และถูกคนร้านหลอกให้ติดตั้งแอป ขณะกำลังกรอกข้อมูล พบว่ามีข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินออกจากทั้ง 3 บัญชี ความเสียหายกว่า 131,431 บาท ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงในคดีลักษณะหลอกเป็นบริษัทไลออนแอร์กว่า 10 เคสไอดี
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้ กระทั่ง กก.2 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 1784/2568 ลงวันที่ 13 มี.ค.68 เข้าจับกุม
นางสาวสมศรี อายุ 49 ปี ในข้อหา “ร่วมกันหรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่ 2คนขึ้นไปโดยปลอมตัวเป็นผู้อื่น ร่วมกันหรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, ร่วมกัน หรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์มีมาตรการบ้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมีได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันหรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, ร่วมกัน หรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นร่วมกันกระทำตัวด้วยประการโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับชะลอ ขัดขวางหรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกัน หรือเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย
แก่อื่นหรือประชาชน อันเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรกับบัตรอีเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้
เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้ หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้ที่ถนนทางเข้าสนามกอล์ฟ
แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 9 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 7.5 แสนบาท
สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้พบโฆษณาการลงทุนเทรดเหรียญคริปโตในสื่อโซเชียลมีเดีย จึงได้สมัครผ่านลิงก์ตามที่ได้มีการโฆษณา ต่อมาได้จ่ายค่าสมัครและเริ่มลงทุนเทรดเหรียญคริปโต สุดท้ายหลงเชื่อโอนเงินไปกว่า 750,000 แสนบาท
.
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานของศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดในขบวนการนี้
กระทั่ง กก.3 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลอาญาที่ 682/2568 ลง 31 ม.ค.68 เข้าจับกุมตัว นายบุญนิธิ
อายุ 35 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยควบคุมตัวได้ในซอยสุขุมวิท-พัทยา 15/6
หมู่ 2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
.
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจากบุคคลที่เคยรู้จักกัน โดยอ้างกับตนเองว่าจะนำบัญชีธนาคารไปทำธุรกิจออนไลน์ โดยได้ค่าจ้างเปิดบัญชีราคา 2,000 บาท จากการตรวจสอบเคสไอดีพบว่ามีคดีที่เชื่อมโยงในคดีนี้หลายคดี รวมความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท จากนั้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 10 ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายแก๊งหลอกขายบัตรคอนเสิร์ตออนไลน์
สืบเนื่องด้วยช่วงธันวาคม ปี 2566 เป็นช่วงที่ประเทศไทยจัดเทศกาลดนตรีและคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าต้อนรับ
ปีใหม่ โดยผู้เสียหายได้พบคนร้ายใช้แอปพลิเคชัน X (Twitter) ประกาศขายบัตรคอนเสิร์ตที่มีการจัดแสดง
ในประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงติดต่อบุคคลดังกล่าวเพื่อซื้อบัตร หลังจากผู้เสียหายโอนเงิน
ค่าบัตรคอนเสิร์ตแล้ว ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
.
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับบุคคลดังกล่าว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 3530/2567 ลง 31 ก.ค.67 เข้าจับกุมตัว น.ส.รัตนมน อายุ 27 ปี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการกระทำแก่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์แก่การชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด และเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ด้วยประการที่รู้ หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้ที่ บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 2 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว โดยอ้างว่าตนเองได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อสมัครแอปเงินกู้
ต่อมามาทราบว่าถูกนำมาใช้เป็นบัญชีม้าในขบวนการดังกล่าว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหา
มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับอีกหลายคดี รวมมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นบาท
.
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจไซเบอร์ #ธรณีนี้มีขื่อมีแป #กวาดล้างอาวุธปืน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #โจรออนไลน์ #อาชญากรรมออนไลน์ #จับกุม #ไซเบอร์ #บังคับใช้กฎหมาย #ป้องกันอาชญากรรม #ประเทศไทย
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB