ตำรวจไซเบอร์ลุยจับเครือข่ายเว็บพนัน พร้อมตามล่าขบวนการโจรออนไลน์รายวัน
ตำรวจไซเบอร์ลุยจับเครือข่ายเว็บพนัน พร้อมตามล่าขบวนการโจรออนไลน์รายวัน
ตำรวจไซเบอร์ลุยจับเครือข่ายเว็บพนัน พร้อมตามล่าขบวนการโจรออนไลน์รายวัน
.
วันจันทร์ที่ 24 มี.ค.68 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์
คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ลุยจับเครือข่ายเว็บพนัน พร้อมตามล่าขบวนการโจรออนไลน์รายวัน
.
จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 5 ปฏิบัติการ
.
ปฏิบัติการที่ 1 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 รวบ 3 หนุ่ม เครือข่ายพนันออนไลน์ BONUS24HR
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเว็บไซต์พนันออนไลน์เว็บไซต์พนันออนไลน์ BONUS24HR ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว
จนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้ร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหา
ตามหมายจับในเครือข่ายได้จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายปิยนันท์ อายุ 23 ปี เจ้าของบัญชีรับผลประโยชน์
2. นายวัชรากร อายุ 27 ปี เจ้าของบัญชีพักเงินจ่ายหน้าเว็บ
3. นายณัฐวร อายุ 18 ปี เจ้าของบัญชีจ่ายเงินรางวัลให้ลูกค้าเว็บพนัน
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตนแค่เคยรับจ้างเปิดบัญชีเมื่อปลายปี 2567
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 2 กก.1 บก.สอท.3 ขยายผลรวบเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ดัง “BETFLIK”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ BETFLIKROYAL
โดยตำรวจไซเบอร์ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือ มินนี่ พร้อมพวก รวมจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นเครือข่ายบุคคล หุ้นส่วน และเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ดังกล่าว ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ BETFLIK พบว่า นางสาวธันยนันท์ หรือ มินนี่ พร้อมพวกรวม จำนวน 33 ราย ได้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าว โดยขออนุมัติศาลออกหมายจับนางสาวธันยนันท์ หรือ มินนี่ พร้อมพวก รวมจำนวน 33 ราย และได้ขยายผลจนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก จำนวน 2 ราย รวมเป็น 35 ราย ซึ่งตำรวจไซเบอร์สามารถจับกุมตัวได้แล้วจำนวน 27 ราย
.
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย ได้แก่ นางสาวนันธิดา อายุ 42 ปี โดยควบคุมตัวได้ที่ ร้านซักผ้าแห่งหนึ่ง ถนนศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี และนางสาวธิดารัตน์ อายุ 32 ปี โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณหน้าจุดจำหน่ายตั๋วรถประจำทาง ต.ธาตุ อ.เมืองเชียงคาน จ.เลย โดยจากพยานหลักฐานพบว่าทั้ง 2 รายนี้ ทำหน้าที่รวบรวมบัญชีม้า
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังคงให้การภาคเสธ ในส่วนนางสาวนันธิดา อ้างว่า ตนเองได้รับการติดต่อ
จากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวไปแล้วรายหนึ่ง ให้หาบัญชีธนาคารเพื่อไปใช้ในการทำเว็บพนันแต่ตนเองไม่ได้เป็นคนทำเว็บพนัน จึงได้ติดต่อผู้ต้องหาอีกคน(ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้) ให้หาคนมาเปิดบัญชีให้ โดยมีค่าตอบแทนประมาณ 2,000 บาท โดยในเครือข่ายเว็บพนันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับไป 35 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว 29 ราย คงเหลือ 6 ราย
.
ปฏิบัติการที่ 3 กก.1 บก.สอท.4 รวบเครือข่ายพนันออนไลน์ LUBU168
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเว็บไซต์พนันออนไลน์ LUBU168 ต่อมา
เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 1,000 คน โดยเว็บไซต์พนันออนไลน์ดังกล่าวได้เปิดให้เล่นการพนันประเภทไพ่บาคาร่า มีการถ่ายทอดสดให้คนทั่วไปทายผลและลงเงินเดิมพัน โดยมีการได้เสียเงินกันจริง จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่ามีการโอนเงินต่อกันเป็นก่อนที่จะมีการกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะสภาพของเงินต่อไป
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.4 ได้ร่วมกันนำหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 134/2568 ลงวันที่
17 ม.ค.68 เข้าจับกุมนายเกรียงไกร อายุ 28 ปี ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรืออุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่ริมถนนกำแพงเพชร-พิจิตร ม.2 ต.ไทรงาม อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.4 รวบวัยรุ่นบัญชีม้าเว็บพนัน PGSLOT (321bet)
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเว็บไซต์พนันออนไลน์ PGSLOT (321bet)
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.3 จึงได้สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จากการสืบสวนพบว่าเว็บพนันดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน กระทั่งเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.4 ได้ร่วมกันนำหมายจับศาลอาญา
ที่ 1306/2568 ลงวันที่ 24 ก.พ.68 เข้าจับกุมตัวนางสาวณัฐธิดา อายุ 22 ปี ในข้อหา "ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อการกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสบคบกันและร่วมกันฟอกเงิน" โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ ม.3 ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เบื้องต้น เจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินจากนักเล่นพนันของเครือข่ายดังกล่าว
.
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.4 บก.สอท.5 รวบเพิ่มอีกหนึ่ง เครือข่ายเว็บพนัน betflixgun
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า นายธณกรฯ หนึ่งในเครือข่ายการพนันออนไลน์ betflixgun ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1325/2568 ลงวันที่ 26 ก.พ.68 ได้ทํางานเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ทำการเข้าจับกุม นายธณกร อายุ 25 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันผ่านช่องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 9 ปฏิบัติการ
.
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.2 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกโปรโมตโปรตีนพืชคุณหมอใบเตยสูญเงินกว่า 1.12 ล้าน
สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้พบเพจเฟชบุ๊กชื่อว่า “ผลิตภันฑ์โปรตีนพืชของคุณหมอใบเตย” โดยเพจดังกล่าวอ้างว่ามีโปรตีนพืชสำหรับรับประทานเพื่อบำรุงร่างกาย โดยโฆษณาว่าสามารถรับชุดทดลองไปใช้ได้โดย
ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้เสียหายสนใจจึงได้แอดไลน์ จากนั้นคนร้ายให้กดลิงก์และอ้างว่าผู้เสียหายต้องช่วยโปรโมทแพลตฟอร์มเพื่อรับชุดทดลองฟรีโดยการโอนเงิน โดยมีบริษัท เอิร์ธ ซิสเต็ม จำกัด รับรองการทำกิจกรรม
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
อย่างถูกต้อง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวน 11 ครั้ง จำนวนเงินกว่า 1.12 ล้านบาท
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับ ศาลอาญา ที่ 92/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 เข้าจับกุม
น.ส.สุธาสินี อายุ 46 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 7 : กก.2 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกทำภารกิจ ความเสียหายเฉียดหลักแสน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกหลอกให้โอนเงินทำภารกิจ โอนเงินลงทุนไปประมาณ 70,000 แต่ไม่สามารถถอนเงินคืนได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 ได้สืบทราบว่า นายสมพงษ์ อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 809/2568 ลงวันที่ 6 ก.พ.68 ปรากฎตัวอยู่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเข้าจับกุม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มามีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่” โดยจับกุมตัวได้ที่ ริมถนนสาย 347 หน้าปากซอยชุมชนสามเรือน หมู่ที่7 ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
.
เบื้องต้น นายสมพงษ์ ให้การว่า ตนไม่ทราบถึงกรณีฉ้อโกงตามข้อกล่าวหา แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงหลังสงกรานต์ ปี 67 จำวันเวลาแน่ชัดไม่ได้ ตนได้รับการว่าจ้างให้เปิดบัญชีเงินฝากซึ่งจำธนาคารและหมายเลขบัญชีไม่ได้ ในราคา 500 บาท ซึ่งไม่ทราบว่าบัญชีดังกล่าวจะถูกใช้ในการกระทำความผิดในครั้งนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นทองคำห้างทองเยาวราช
สืบเนื่องจากผู้เสียหายพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ห้างทองเยาวราช” ได้โพสต์โฆษณาเชิญชวนให้ลงทุนหุ้นทองคำ ผู้เสียหายสนใจจึงได้ติดต่อและแอดไลน์ โดยใช้ไลน์ชื่อ “ห้างทองเยาวราช” มีรูปโปรไฟล์เป็นรูปช้างและเขียนว่าห้างทองเยาวราช และไลน์ดังกล่าวได้ส่งเอกสารใบประกอบธุรกิจการค้าให้ดูเพื่อยืนยันว่าเป็นห้างทองเยาวราชจริง ต่อมาผู้เสียหายได้หลงเชื่อโอนเงินไปรวมกว่า 160,000 บาท แต่ไม่ได้รับเงินกลับคืนมาแต่อย่างใด
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับศาลอาญาที่ 2615/2567 ลงวันที่ 6 มิ.ย.67 เข้าจับกุม
นายวัฒนา อายุ 28 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้บริเวณแคร่ไม้ข้างบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.4 ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนเองมีเพื่อนที่เคยเป็นทหารเกณฑ์ด้วยกันได้ชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคาร
และได้ทำการสแกนหน้า จำไม่ได้ว่าได้ค่าจ้างเท่าไร โดยที่ตนไม่รู้ว่ามีความผิดและไม่คิดว่าจะสร้างความเสียหายให้ผู้อื่นมากขนาดนี้
.
ปฏิบัติการที่ 9 : กก.1 บก.สอท.3 ขยายผลจับขบวนการหลอกย่าหลานสูญเงินหมดตัวกว่า 3.4 ล้านบาท
สืบเนื่องจากกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ DSI แล้ววิดีโอคอลข่มขู่คุณย่าและหลานชายวัย
17 ปี ให้โอนเงิน สุดท้ายโดนหลอกลวงไปจนหมดตัวทั้งสิ้น จำนวน 3,412,642 บาท ภายหลัง ตำรวจไซเบอร์ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและต่างชาติได้แล้วรวม 11 ราย
โดยติดตามจับกุมตัวได้แล้วจำนวน 6 ราย และอยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 5 ราย
.
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้ร่วมกันนำหมายจับศาลอาญา ที่ 6107/2567 ลง 16 ธ.ค.67
เข้าจับกุมตัว นายอภิชาติ อายุ 24 ปี ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ , สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ,ร่วมกันฟอกเงิน ,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
.
เบื้องต้น นายอภิชาตรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นบัญชีม้ารับโอนเงินแถวที่ 1 จำนวน 1,998,004 บาท ก่อนที่เงินจะถูกนำไปทยอยซื้อเหรียญดิจิทัล สกุลเงิน USDT จนหมด แล้วถูกโอนไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนบุคคลต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 10 : กก.1 บก.สอท.3 รวบขบวนการหลอกลงทุนทองคำแอบอ้างชื่อฮั่วเซ่งเฮง
สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายพบโฆษณาการลงทุนเกี่ยวกับทองคำบนเฟซบุ๊ก จึงได้ติดต่อและแอดไลน์ชื่อ
“HUA SENG HENG TRADE” จากนั้นได้ชักชวนให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อลงทุนเกี่ยวกับทองคำจำนวน
หลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 833,854.74 บาท โดยเบื้องต้นพบว่าดีดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงออนไลน์อื่นกว่า 53 เคสไอดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับแล้ว จำนวน 5 ราย และจับกุมไปแล้ว จำนวน 3 ราย
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้นำหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 156/2568 ลง 3 ก.พ.68
เข้าจับกุมนายลิขิต อายุ 24 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,โดยทุจจริตหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนหรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 11 : กก.2 บก.สอท.4 รวบเครือข่ายหลอกให้กู้เงินออนไลน์
สืบเนื่องจากผู้เสียหายมีความเดือดร้อนต้องการใช้เงิน จึงได้ลองค้นหาข้อมูลการกู้เงินบนอินเตอร์เน็ต
ต่อมาพบโฆษณาปล่อยกู้เงิน ชื่อ บริษัท ดีฟิน จำกัด ผู้เสียหายจึงแอดไลน์เข้าไปคุยกับบริษัท จากนั้นคนร้ายที่อ้างเป็นฝ่ายสินเชื่อได้แจ้งว่าผู้เสียหายสามารถกู้เงินได้และได้อนุมัติวงเงินจำนวน 50,000 บาท จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายเป็นลูกค้ารายใหม่ ต้องฝากเงิน 10-20 % (ตามเงื่อนไขและสัญญา) ของวงเงินกู้ เพื่อเป็นการทดแทนการใช้โฉนดที่ดินหรือเล่มทะเบียนรถค้ำประกันและเป็นการตรวจสอบสภาพคล่องการเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป แต่คนร้ายยังอ้างว่าติดหลักเกณฑ์ต่างๆ แล้วแจ้งให้โอนเงินเพิ่ม สุดท้ายผู้เสียหายโอนเงินไปจำนวนหลายแสนบาท และไม่ได้รับเงินกู้กลับมาแต่อย่างใด
.
ต่อมา กก.2 บก.สอท.4 ได้ร่วมกันนำหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ จ.235/2566 ลงวันที่ 9 ส.ค.66 เข้าจับกุมนายจักรกฤษณ์ อายุ 46 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ตนเคยรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารเมื่อประมาณปลายปี 2565 เนื่องจากมีคนในเฟซบุ๊กได้ชักชวน แต่ปัจจุบันตนเองไม่สามารถล๊อกอินเข้าบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้พูดคุยไม่ได้แล้ว และไม่สามารถจดจำข้อมูลใดๆของผู้ที่ชักชวนได้เลย โดยครั้งนั้นเมื่อเปิดบัญชีแล้ว ได้นำสมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตร ATM มอบให้ผู้ว่าจ้างและได้รับค่าตอบแทน 1,500 บาท
.
ปฏิบัติการที่ 12 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 รวบเครือข่ายหลอกทำภารกิจออนไลน์
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายติดต่อผ่านเฟซบุ๊กแล้วหลอกให้ทำภารกิจ โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อปลดล็อกภารกิจไปเรื่อยๆ โดยช่วงแรกถอนเงินคืนได้ปกติ แต่เมื่อลงทุนมากขึ้น กลับไม่สามารถถอนเงินได้ สุดท้ายเสียหายไปกว่า 120,000 บาท
.
ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.4 ได้นำจับศาลจังหวัดลำพูนที่127/2568 ลงวันที่ 6 มี.ค.68 เข้าจับกุม น.ส.วริศรา อายุ 25 ปี ในข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้ที่ริมถนนในซอยเสรีไทย 83 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 13 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายหลอกโอนเงินกู้สินเชื่อออนไลน์
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ประสาบปัญหาด้านการเงิน จึงได้ค้นหาแหล่งเงินกู้บนอินเตอร์เน็ต พบเว็บไซต์อ้างเป็นบริษัทสินเชื่อปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ผู้เสียหายแอดไลน์ของบริษัทและกรอกประวัติข้อมูลส่วนตัว
โดยเมื่อผู้เสียหายลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการกู้เงินจำนวน 100,000 บาท ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าแรกเข้าให้ทางบริษัทเป็นเงิน 5,000 บาท และต่อมาให้โอนค่ามัดจำเงินกู้อีก 5,000 บาท
เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วก็อ้างว่าจะต้องโอนเงินค่ากู้เงินงวดแรกอีก 5,000 บาท ผู้เสียหายได้โอนไปทั้งสิ้น 15,000 บาท และกลุ่มที่อ้างเป็นบริษัทปล่อยเงินกู้นี้ได้อ้างอีกว่าให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท
ซึ่งเป็นยอด 20% ของเงินที่ผู้เสียหายต้องการกู้ยืม ผู้เสียหายไม่มีเงินอีกแล้วและต้องการยกเลิกการกู้เงินแล้วขอรับเงินคืน ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อแอดมินของเว็บไซต์ดังกล่าวได้อีก
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี 861/2567 ลง 6 ก.ย.67 เข้าจับกุม นางสาวนิธิพร อายุ 33 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าของขบวนการนี้ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ไชยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ปฏิบัติการที่ 14 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายอ้างกรมบัญชีกลางหลอกกดลิงก์ดูดเงิน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่าให้ผู้เสียหายรับเงินบำเน็จราชการของสามีตนเองที่เสียชีวิตไป โดยหลอกให้ผู้เสียหายกดลิงก์และดาวโหลดแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพอ้างว่าเป็นแอปพลิเคชันของหน่วยราชการ เมื่อผู้เสียหายดาวน์โหลดลิงก์เรียบร้อยแล้วได้ ปรากฏว่า เงินในบัญชีธนาคารของตนเองถูกโอนออกไปเป็นจำนวนกว่า 2.5 แสนบาท
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำหมายจับศาลจังหวัดเลยที่ 114/2568 ลง 4 มี.ค.68 เข้าจับกุม นางสาวธิดารัตน์ อายุ 36 ปี ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าในขบวนการ ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้ เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดย มิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น, กระทำด้วยประการใด เพื่อให้การทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มี เจตนาใช้เพื่อกิจการของตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น” โดยจับกุมได้บริเวณบ้านพักในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร
.
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าน้องสาวของตนเองได้ขอยืมบัญชีธนาคารเพื่อไปทำธุรกิจออนไลน์ แต่เพิ่งมาทราบตอนถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการมิจฉาชีพดังกล่าว
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #จับเว็บพนันออนไลน์ #อาชญากรรมออนไลน์ #เว็บพนัน #ฟอกเงิน #จับโจรออนไลน์ #การจับกุม #นโยบายรัฐบาล #ปกป้องประชาชน #ไซเบอร์ #คาสิโนออนไลน์
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB