ตำรวจไซเบอร์จับกุมต่อเนื่องคดีโจรออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์จับกุมต่อเนื่องคดีโจรออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์จับกุมต่อเนื่องคดีโจรออนไลน์
.
วันอังคารที่ 25 มี.ค.68 เวลา 12.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1,
พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมต่อเนื่องคดีโจรออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.1 บก.สอท.1 รวบ 2 สาว เครือข่ายพนันออนไลน์ BONUS24HR
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเว็บไซต์พนันออนไลน์เว็บไซต์พนันออนไลน์ BONUS24HR ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าว
จนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้ร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในเครือข่าย
ได้จำนวน 2 ราย ดังนี้
1. น.ส.วาสนา อายุ 44 ปี ชาว จ.สระบุรี
2. น.ส.ปาริชาติ อายุ 20 ปี ชาว จ.สระบุรี
.
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทำหน้าที่ เปิดบัญชีพักเงินจ่ายหน้าเว็บ และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นจริง โดยช่วงปลายปี 2567 ได้มีเพื่อนในเฟชบุ๊ก (จำบุคคลดังกล่าวไม่ได้เพราะได้ลบไปแล้ว) มาชักชวนให้ตนเปิดบัญชีธนาคาร โดยได้รับค่าจ้างมา 1,500 บาท
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเลกทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.3 บก.สอท.1 รวบขบวนการหลอกลงทุน ตุ๋นเหยื่อโอน 11 ครั้ง สูญเกือบ 2 ล้านบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และได้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้าย จำนวน 11 ครั้ง เป็นเงิน 1,986,797 บาท แต่ไม่เคยได้รับผลตอบแทน จึงเชื่อว่าถูกหลอก จากนั้นจึงได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ได้นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 1060/2567 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 จับกุมตัว น.ส.วิสุทธินี อายุ 37 ปี ชาว จ.ชลบุรี ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด" เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ไม่มีส่วนร่วมในการหลอกลวง แต่รับว่าเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ ที่ใช้พูดคุยกับผู้เสียหาย
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.4 บก.สอท.1 รวบขบวนการหลอกให้ซื้อสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนม ผ่านเฟซบุ๊ก
สืบเนื่องจากผู้เสียหายสนใจซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านเฟซบุ๊ก ในราคา 41,000 โดยโอนเข้าบัญชีของนางสาวลลิตา แต่ไม่ได้รับสินค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและจับกุม น.ส.ลลิตา อายุ 28 ปี ชาว จ.นนทบุรี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโดยทุจริต หรือโดยหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.4 บก.สอท.3 รวบขบวนการหลอกทำกิจกรรมออนไลน์ เชื่อมโยง 26 เคสไอดี ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหายพบโพสต์ชักชวนทำงานออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยการกดไลก์ในเฟซบุ๊กและค่าคอมมิชชั่น 10-50 บาท/ครั้ง ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 854,415 บาท แต่ถูกกลุ่มคนร้ายใช้กลอุบายหลอกลวงโดยโอนเงินคืนบางส่วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และหลังจากผู้เสียหายโอนเงินจำนวนมาก ก็จะไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.3 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อศาลจังหวัดอุดรธานี จำนวน 4 หมาย และได้สืบทราบว่านายสิทธิโชค หนึ่งในผู้ต้องหาที่ออกหมายจับคดีนี้ พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.หนองโรง อ.หนองแค จ.สระบุรี จึงได้นำกำลังไปจับกุม นายสิทธิโชคฯ
.
จากการตรวจสอบนายสิทธิโชคเป็นผู้ต้องหาในเครือข่ายหลอกลวงทำกิจกรรมออนไลน์ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า มีความเชื่อมโยง 26 เคสไอดี รวมความเสียหาย 11,992,947 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ติดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.4 บก.สอท.3 รวบเด็ก 14 ซื้อปืนไทยประดิษฐ์ออนไลน์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้น และจับกุมตัว นายณัฐพล อายุ 20 ปี ในข้อหา "มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน" ต่อมาได้มีการขยายผลทราบว่า นายณัฐพลฯ ได้จำหน่ายอาวุธปืนสั้นไทยประดิษขนาด .38 มม. ให้กับเด็กชาย อายุ 14 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่ ต.โนนทัน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว
.
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง จึงทำการตรวจค้นอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า ภายในบ้านหลังดังกล่าว เด็กชายวัย 14 ปี รับสารภาพว่าได้ซื้ออาวุธปืนดังกล่าวจากนายณัฐพลฯ ผ่านการติดต่อเพื่อนชื่อ นายเกอร์ ในราคา กระบอกละ 4,000 บาท เพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวและทรัพย์สิน โดยมีผู้ปกครองของเด็กชาย อยู่ในเหตุการณ์ตลอดการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 จับกุมขบวนการหลอกลงทุนในหุ้น
ไปสแกนหน้าที่กัมพูชา เชื่อมโยง 4 เคสไอดี ความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท
สืบเนื่องจากผู้เสียหาย ถูกหลอกลงทุนในหุ้น ผ่านแอปพลิเคชัน “CTWEHPRO” โดยผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ หลายครั้ง โดยโอนเงินจำนวน 200,000 บาท เข้าบัญชีนายวัชพล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวน พบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลงทุนในหุ้นอื่นๆ 4 เคสไอดี รวมความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ และสามารถจับกุมตัวนายวัชพล ได้ที่ บริเวณปั้มน้ำมัน ปตท.มิตรภาพ หมู่ที่ 17 ถ.มิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น
.
เบื้องต้นนายวัชพลให้การว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ได้หางานผ่านการโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก และได้ติดต่อกับบุคคลที่อ้างว่ามีงานเกี่ยวกับการดูแลบัญชี จึงตกลงไปทำงานกับบุคคลนี้ และเดินทางข้ามไปที่ประเทศกัมพูชาโดยช่องทางธรรมชาติ โดยถูกหลอกให้เข้าร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดอื่นใด นอกจากการแสกนใบหน้าประมาณ 4 ครั้ง อีกทั้งถูกบังคับให้ทำงานในประเทศกัมพูชา โดยไม่สามารถหลบหนีได้ เนื่องจากกลัวถูกทำร้าย จนกระทั่งสามารถสบโอกาส หลบหนีกลับบ้านได้
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #จับกุมคดีออนไลน์ #โจรออนไลน์ #พนันออนไลน์ #หลอกลงทุน #ฉ้อโกง #บัญชีม้า #ซื้อขายอาวุธ #อาชญากรรมไซเบอร์ #ข่าวอาชญากรรม #ปืนเถื่อน
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB