ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
.
วันพุธที่ 26 มี.ค.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี)
นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1,
พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างโจรออนไลน์ทั่วประเทศ
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันเร่งปราบปรามการกระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติ จำนวน 25 ปฏิบัติการ ดังนี้
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.1 บก.สอท.1 รวบผู้ร่วมขบวนการเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ Bilislot
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย bilislotv1 มีการเปิดให้ประชาชนแทงพนันจนเกิดการได้เสียเงินกันจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า
เครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันรวบรวพยานหลักฐานกระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 441/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.68 เข้าจับกุมน.ส.สุพัตรา อายุ 29 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารพักเงินสำหรับจ่ายเงินหน้าเว็บ ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้แก่ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน , สบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นจริง
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.1 บก.สอท.1 รวบผู้ร่วมขบวนการเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ fast356
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย fast356 มีการเปิดให้ประชาชนแทงพนันจนเกิดการได้เสียเงินกันจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า
เครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันรวบรวพยานหลักฐานกระทั่งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 3058/2567 ลงวันที่ 28 มิ.ย.67 เข้าจับกุม นายชวลิต อายุ 36 ปี เจ้าของบัญชีธนาคารพักเงินสำหรับจ่ายเงินหน้าเว็บ ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองตนขึ้นไป เพื่อกระทำกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาแต่รับว่าเคยรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.1 : รวบแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้น ฮั่วเซ่งเฮง
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ได้สืบสวนจับกุมขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้น ฮั่วเซ่งเฮง
มููลค่าความเสียหาย 1.7 ล้านบาท นำหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.383/2568 ลงวันที่ 4 เดือน มีนาคม พ.ศ.2568 จับกุมนายปวรุตม์ อายุ 45 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์
.
เบื้องต้นนายปวรุตม์ รับสารภาพว่าเพื่อนชวนข้ามไปฝั่งปอยเปต ไปทำงานที่ตึก 25 ชั้น และเปิดบัญชีดังกล่าวจริง โดยตนเองทำหน้าที่เป็นแอดมินตอบแชท เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่ง ไม่ผ่านการทดลองงานและได้ค่าตอบแทนเดือนละ 18,000 บาท หลังจากไม่ผ่านงาน ตนจึงกลับบ้านที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม บริเวณถนนสาธารณะ หมู่ที่ 14 ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประซาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.1 : รวบเครือข่ายเว็บพนัน K9WINBKK นำเงินไปเป็นทุนเปิดร้านเหล้า
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนเครือข่ายเว็บพนัน K9WINBKK และสามารถจับกุมนางสาวสุพรรณี อายุ 29 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน , สบคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน”
.
โดยนางสาวสุพรรณี ทำหน้าที่เปิดบัญชีจ่ายหน้าเว็บพนันโดยมีคนว่าจ้างให้เปิดบัญชีม้า มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทม้า เพื่อบริหารจัดการในเว็บพนันดังกล่าว ยอดเงินหมุนเวียนประมาณ 10 ล้าน นางสาวสุพรรณีให้การรับสารภาพว่า ที่เปิดบัญชีดังกล่าว เพราะตนเองต้องการนำไปเป็นทุนในการเปิดร้านเหล้า เพื่อทำการค้าขาย
.
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.4 บก.สอท.1 : จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ขบวนการแอบอ้างเป็นกรมที่ดิน และเว็บพนัน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.1 ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย มีรายละเอียดดังนี้
.
1. จับกุม นางสาวกวิสรา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ “บัญชีม้า” เครือข่ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินให้โหลดแอปพลิเคชัน แล้วอัพเดทข้อมูลส่วนบุคคล กรอกรหัสยืนยันตัวตน ผู้เสียหายใช้รหัสเดียวกับธนาคารจึงถูกโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร มูลค่าความเสียหาย 470,000 บาท
.
2. จับกุม นางสาวลินดา อายุ 27 ปี บัญชีม้ารับโอนเงินจ่ายเงินให้ผู้เล่นการพนัน “รวยสล็อต 909”
เงินหมุนเวียนต่อเดือนประมาณ 6 ล้านบาท
.
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.1 บก.สอท.2 : จับกุมผู้ต้องหาปลอมเพจฮั่วเซ่งเฮง หลอกลวงประชาชนให้ผ่อนทองคำ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 สืบทราบว่า น.ส.กนกรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มาอยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 7 : กก.3 บก.สอท.2 : จับกุมหนุ่ม 19 ขายปืนปากกาผ่านเฟซบุ๊ก
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ตรวจสอบพบว่าช่อง YOUTUBE ชื่อบัญชี “ตนมีฝีมือ” ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน ชนิดปืนปากกา และ ปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืน จึงได้ตรวจสอบเกี่ยวกับผู้สั่งซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน โดยอาศัยการตรวจสอบข้อมูลการส่งพัสดุ ผ่านระบบขนส่งเอกชน มีการส่งพัสดุ ระบุชื่อนราธิป ส่งไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 10 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ขออนุมัติศาลทำการตรวจค้นจับกุม
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครปฐมที่ 168/2568 ลงวันที่ 24 มี.ค.68 จับกุมนายนราธิปอายุ 19 ปี ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสอบถาม นายนราธิปรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้สั่งซื้ออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในราคา 2,000 บาท พร้อมด้วยกระสุนปืน ขนาด .38 มม. จำนวน 1 นัด เมื่อประมาณ 2 ปีแล้ว
.
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.1 บก.สอท.3 : จับกุมวัยรุ่นประกาศขายปืนไทยประดิษฐ์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่าบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "โบว์ลิ้ง สี เทาเทา" ประกาศขายอาวุธปืน (ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ในกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะที่มีสมาชิก 9,813 คน จึงวางแผนล่อซื้ออาวุธปืน 1 กระบอก ในราคา 3,500 บาท เจ้าของบัญชี "โบว์ลิ้ง สี เทาเทา" ตกลงส่งมอบอาวุธปืนที่ ซอยโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร เจ้าหน้าที่จึงดักซุ่มจับกุม นายณัฐพงษ์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมอาวุธปืน เมื่อล่อซื้อสำเร็จ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถยนต์ พบอาวุธปืนรวม 3 กระบอก และกระสุนปืน 7 นัด
.
นายณัฐพงษ์ รับสารภาพ ว่านำอาวุธปืนมาจำหน่ายจริง และไม่มีอาชีพอื่น รายได้จากการขายอาวุธใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”
.
ปฏิบัติการที่ 9 : กก.1 บก.สอท.3 : จับกุมวัยรุ่นประกาศขายปืนไทยประดิษฐ์ผ่าน facebook
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่าบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "ยุทธดนัย อยู่สุข" ประกาศขายอาวุธปืน (ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ทางเฟซบุ๊ก จึงวางแผนล่อซื้ออาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก รวมเป็นเงิน 80,000 บาท โดยนัดส่งมอบที่ ตลาดเมืองทอง จ.อุดรธานี แต่ต่อมาเปลี่ยนสถานที่เป็น ร้าน BEYOND CAFE สนามกีฬาเทศบาลเวสสุวัณ นครอุดรธานี
.
เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่พบ นายยุทธดนัย ซึ่งได้ติดต่อ นายนฤเบศร์ ให้นำอาวุธปืนมาให้ผู้ซื้อ อาวุธปืน 2 กระบอก (สีดำและสีเงิน) พร้อมกระสุนปืน 5 นัด ถูกซุกซ่อนอยู่ในถุงกระดาษที่ท้ายรถยนต์ เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม และแจ้งข้อหา “ร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
.
ผู้ต้องหาทั้งสอง รับสารภาพ ว่าร่วมกันนำอาวุธปืนมาขาย และไม่ได้ประกอบอาชีพอื่น โดยตั้งใจนำเงินที่ได้จากการขายไปใช้จ่ายส่วนตัว
.
ปฏิบัติการที่ 10 : กก.1 บก.สอท.3 รวบ 2 วัยรุ่น ลอบขายปืนเถื่อนผ่านเฟซบุ๊ก
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 สืบทราบว่ามีบัญชีเฟซบุ๊กบัญชีหนึ่ง ได้ประกาศขายอาวุธปืน(ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์) ออนไลน์ จึงได้สืบสวนและติดต่อล่อซื้ออาวุธปืนจากเพจดังกล่าว จำนวน 2 กระบอก รวมราคา 80,000 บาท โดยนัดหมายที่ส่งมอบสินค้าภายในตลาดเมืองทอง ถ.นิตโย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
.
ต่อมาเมื่อถึงวันเวลาส่งของ เจ้าของเฟซบุ๊กได้ขอเปลี่ยนสถานที่นัดหมายที่ส่งมอบอาวุธปืนเป็นร้านกาแฟ
แห่งหนึ่งบริเวณสนามกีฬาเทศบาลเวสสุวัณ นครอุดรธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายยุทธดนัย อายุ 41 ปี ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นสายลับนอกเครื่องแบบ จากนั้นนายยุทธดนัยฯ ได้โทรเรียกนายนฤเบศร์ อายุ 34 ปี ให้ขับรถยนต์เข้ามาในบริเวณนัดหมาย จากนั้นสายลับจึงได้เดินไปกับนายยุทธดนัยฯ เพื่อทำทีขอดูอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกจากนายนฤเบศร์ฯ ที่ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระโปรงรถยนต์ จากนั้นสายลับได้มอบเงินจำนวน 80,000 บาทและรับอาวุธปืนกลับมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่โดยรอบได้แสดงตัวเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด
.
เบื้องต้นทั้ง 2 รายให้การยอมรับว่า ร่วมกันติดต่อกับสายลับเพื่อนำอาวุธปืนของลางดังกล่าวมาเพื่อชื้อขายจริง เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายอาวุธปืนดังกล่าวมาใช้จ่ายส่วนตัว โดยพวกตนไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นแต่อย่างใด
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหกล่าวหา “ร่วมกันครอบครองอาวุธปืน(อาวุธปืนพกสั้นจำนวน 2 กระบอก)และเครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ #จับกุมเว็บพนัน #ปราบปรามฟอกเงิน #หลอกลงทุน #จับกุมบัญชีม้า #ปราบปรามอาวุธเถื่อน #ตำรวจไซเบอร์ #ปฏิบัติการปราบปราม #ปกป้องประชาชน #หยุดอาชญากรรมออนไลน์
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB