ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี และรวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน พร้อมใส่เกียร์สูงล่าขบวนการหลอกลวงออนไลน์ต่อเนื่อง
ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี และรวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน พร้อมใส่เกียร์สูงล่าขบวนการหลอกลวงออนไลน์ต่อเนื่อง
ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี และรวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน พร้อมใส่เกียร์สูงล่าขบวนการหลอกลวงออนไลน์ต่อเนื่อง
.
วันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค.68 เวลา 15.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี และรวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน พร้อมใส่เกียร์สูงล่าขบวนการหลอกลวงออนไลน์ต่อเนื่อง
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
.
1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
- รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี จำนวน 1 ราย
.
2. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
- รวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน จำนวน 1 ราย
.
3. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกทำงานกดไลก์ยูทูป โอนเงิน 17 ครั้ง เสียหายกว่า 1.5 ล้าน จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายอ้างเป็นตำรวจสุราษฎร์ โทรขู่โอนเงินตรวจสอบ เสียหาย 4.5 หมื่นบาท จำนวน 1 ราย
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 รวบวัยรุ่นสาวสร้างตัว ปล่อยกู้นอกระบบออนไลน์ ดอกโหดร้อยละ 600 ต่อปี
.
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด คอยเฝ้าติดตามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้และเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชน กระทั่งได้สืบสวนพบผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “อย่าดีกว่า มิ้นท์ฯ.” ได้โพสต์ชักชวนให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ในพื้นที่
จ.นครราชสีมา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลได้สำเร็จ
.
ต่อมา พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์, พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.นราภพ นวลเท่า สว.ฯ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 44/2568 ลงวันที่ 12 พ.ค.68 เข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.2 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ผลการตรวจค้น
พบ น.ส.ปริญาภรณ์ หรือ เจ๊มินท์ อายุ 21 ปี ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือพบหลักฐานการโพสต์ชักชวนให้กู้เงินนอกระบบและตรวจพบสมุดบัญชีที่ใช้จดรายละเอียดการปล่อยเงินกู้นอกระบบหลายรายการ
.
เบื้องต้น เจ๊มินท์ยอมรับว่าตนเองเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวจริง และได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้ชาวบ้านกู้ยืมจริง โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเป็นรอบ 7 วันและรอบ 12 วัน โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อรอบ หรือ ประมาณร้อยละ 600 ต่อปี (อัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี)
.
โดยก่อนหน้านี้ตนเองเคยเป็นผู้กู้มาก่อน เมื่อเห็นว่าการปล่อยกู้นอกระบบน่าจะได้ผลตอบแทนดี จึงได้ศึกษาวิธีการและเข้าไปอยุ่ในกลุ่มโซเชียลประเภทบ้านแชร์ หรือ กลุ่มที่ปล่อยเงินกู้ต่างๆ และทดลองปล่อยกู้จากยอดน้อยๆ ตั้งแต่ 500 – 3,000 บาท และได้ทำต่อเนื่องเรื่อยมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว โดยตนเองมีผู้กู้แล้วมากกว่า 200 ราย ได้กำไร
จากการปล่อยกู้ประมาณ 20,000- 30,000 บาทต่อเดือน โดยการกระทำดังกล่าว ตนเองไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตตามกฎหมายแต่อย่างใด
.
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” จากนั้นได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.3 บก.สอท.5 รวบวัยรุ่นพ่นควัน ผันตัวขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในสิชล นครศรี ฟันรายได้นับหมื่นต่อเดือน
.
สืบเนื่องจากสายตรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.5 ได้ลาดตระเวนในสื่อโซเชียลมีเดีย ได้พบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Apichart Klamsiri (อภิชาติ)” โพสต์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเฝ้าติดตามเพื่อตรวจสอบการกระทำผิดและพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิด กระทั่งสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลขออนุมัติหมายค้นได้สำเร็จ
.
ต่อมา พ.ต.ต.สุนทร คงกุล สว.กก.3 บก.สอท.5 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.1 ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พบนายอภิชาติ อายุ 26 ปี พักอาศัยอยู่ในบ้าน ผลการตรวจค้น พบของกลางเป็นพอทบุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง ขนาดสูบ 9,000 ครั้ง จำนวน 12 ชิ้น อยู่ภายในกล่องพลาสติกสีดำแบบมีฝาปิด วางอยู่ภายในห้องเก็บของของบ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือซึ่งอยู่ที่ตัวนายอภิชาติฯ จำนวน 1 เครื่อง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
.
จากการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือ พบข้อมูลการลงทะเบียนเข้าใช้งานบัญชีเฟซบุ๊ก “Apichart Klamsiri” ซึ่งเป็นบัญชีที่โพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว และพบหลักฐานการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางแชท โดยใช้บัญชีพร้อมเพย์ของนายอภิชาติเป็นบัญชีรับโอนเงินค่าบุหรี่ไฟฟ้า
.
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา “ขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562” และ “ช่วยซ่อนเร่น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา242(ของที่ยังมิได้ผ่านพิธีศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยาพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้น ที่มั่นคง ท่าเรื่อรับอนุญาต หรือเขตปลดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 246 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ข้อ และบัญชีท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ.2559 ข้อ 3 บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า”
.
เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนเองเริ่มต้นจากการสั่งบุหรี่ไฟฟ้ามาเพื่อสูบใช้เอง เนื่องจากตนชอบสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้ว ต่อมาได้รู้จักแหล่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเฟซบุ๊กหากสั่งมาในเรท 10 ถึง 30 ชิ้น จะได้ในเรทราคาส่ง จึงได้เริ่มสั่งมาในเรท 30 ชิ้น แล้วนำมาแบ่งขายให้กลุ่มเพื่อนในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ก่อน แล้วจึงเริ่มขายผ่านเฟซบุ๊กตนเองในราคา 500 บาทต่อชิ้นรวมค่าส่ง ซึ่งตนเองทำมาแล้วประมาณปีกว่า มีรายได้จากการขายบุหรี่ไฟฟ้าต่อเดือน ประมาณ 1 หมื่นบาท
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายอภิชาติฯ พร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.2 บก.สอท.2 รวบเครือข่ายหลอกทำงานกดไลก์ยูทูป โอนเงิน 17 ครั้ง เสียหายกว่า 1.5 ล้าน
.
สืบเนื่องจากได้มีมิจฉาชีพใช้ไลน์ชื่อ "ต่อ (ณัฐภูมิ)" ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มหน้าตาดีเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์แล้วติดต่อหาผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหายไม่เคยรู้จักกับเจ้าของบัญชีไลน์ดังกล่าวมาก่อน ต่อมา ได้พูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนม จากนั้นได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนหารายได้เสริมทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม (Social Like) โดยผู้เสียหายต้องเสียเงินสมัครตามระดับที่กำหนดเพื่อลงทุนฝากหุ้นในแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อรอรับผลกำไร
.
ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงเข้าได้โอนเงินสมัครสมาชิกและเริ่มทำภารกิจด้วยการกดไลก์ยอดวิวใน YouTube ซึ่งช่วงแรกผู้เสียหายได้รับเงินค่ากดไลค์กลับมา และมีตัวเลขยอดเงินแสดงในบัญชีแพลตฟอร์มดังกล่าว จึงเชื่อว่าลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนจริง ต่อมาผู้เสียหายจึงโอนเงินไผทั้งสิ้น จำนวน 17 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,546,836 บาท แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้จริง
.
ภายหลังพนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้หลายราย กระทั่งล่าสุด พ.ต.ท.ศุภณัฎฐ์ เกตุแก้ว สว.กก.2 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด เข้าจับกุมตัว น.ส.ศรัญญา อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 957/2568 ลงวันที่ 13 ก.พ.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเองได้ขายบัญชีไปให้ผู้หญิงชื่อ “หยก” ในราคา 2,000 บาท ตั้งแต่เมื่อประมาณปี พ.ศ.2565
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายอ้างเป็นตำรวจสุราษฎร์ โทรขู่โอนเงินตรวจสอบ เสียหาย 4.5 หมื่นบาท
.
สืบเนื่องจากเมื่อ พ.ย.65 ได้มีคนร้ายโทรหาผู้เสียหายอ้างว่าเป็นตำรวจจาก สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี แจ้งว่าผู้เสียหายได้เซ็นค้ำการเช่ารถยนต์คันหนึ่งไว้ ซึ่งรถยนต์คันนั้นได้ขนยาเสพติดมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อผู้เสียหายอยู่ด้วย และจะขอตรวจสอบทรัพย์สินโดยการขอแคปจอหน้าแอปบัญชีธนาคารแต่ละหน้าของผู้เสียหาย รวมถึงขอหลักฐานการโอนเงิน และจำนวนเงินในบัญชีเพื่อนำไปตรวจสอบ
.
ขณะนั้นผู้เสียหายอาศัยอยู่ใน จ.ชลบุรี จึงไม่สะดวกแจ้งความ บุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างเป็นตำรวจจึงแนะนำให้แจ้งความออนไลน์ โดยให้ผู้เสียหายถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน และแจ้งให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา เป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท
.
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้หลายราย ต่อมา พ.ต.ต.ธีรวัฒน์ สมศิริ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าจับกุม นายสุรนาท อายุ 27 ปี ผู้ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าแถวแรกของขบวนการ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1720/2568 ลงวันที่ 12 มี.ค.68 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมตัวได้บริเวณริมถนนพรประภานิมิต (ปากซอย 23/2) ม.2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
.
สอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองเคยมีโทรศัพท์มือถือ และได้ทำโทรศัพท์มือถือหายไป โดยในมือถือสามารถเข้าแอปพลิเคชันธนาคารของตนเองได้ และไม่ทราบว่าผู้ใดพบเจอแล้วนำไปใช้ แต่มาทราบภายหลังตอนถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการมิจฉาชีพนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #ตำรวจสอท #ไตรรงค์ผิวพรรณ #รัฐบาลดิจิทัล #อาชญากรรมไซเบอร์ #ภัยออนไลน์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #มิจฉาชีพออนไลน์ #เงินกู้นอกระบบ #บุหรี่ไฟฟ้า #ฉ้อโกงประชาชน #บัญชีม้า #หลอกกดไลก์ยูทูป #อ้างเป็นตำรวจ
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB