ตำรวจไซเบอร์จับยกบ้านครอบครัวดอกเบี้ยโหด ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี ค้นบ้านเจอปืนอีกกระบอก พร้อมจับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์จับยกบ้านครอบครัวดอกเบี้ยโหด ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี ค้นบ้านเจอปืนอีกกระบอก พร้อมจับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์จับยกบ้านครอบครัวดอกเบี้ยโหด ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี ค้นบ้านเจอปืนอีกกระบอก พร้อมจับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
.
1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบและอาวุธปืน จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย
- จับยกบ้านครอบครัวดอกเบี้ยโหด ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี ค้นบ้านเจอปืนอีกกระบอก จำนวน 4 ราย
.
2. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย
- รวบเครือข่ายอ้าง ดร.นิเวศน์หลอกลงทุนกว่า 11 ล้าน จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายอ้างหลอกโอนเงินอ้างลงทุนคริปโต เสียหาย 5.5 ล้าน จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ เสียหายกว่า 7.6 ล้าน จำนวน 1 ราย
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบและอาวุธปืน
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.3 บก.สอท.5 จับยกบ้านครอบครัวดอกเบี้ยโหด ปล่อยกู้ดอกลอยร้อยละ 1,921 ต่อปี ค้นบ้านเจอปืนอีกกระบอก
.
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนพบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เจน เจน.” ได้โพสต์ข้อความโฆษณาให้ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กู้เงินออนไลน์โดยติดต่อผ่านเฟศบุ๊กของตนเอง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติจากศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย
.
ต่อมา พ.ต.ท.ร่มไทร ไทรงาม และ พ.ต.ต.สุนทร คงกุล สว.กก.3บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด พร้อมหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ ค.116/2568 ลงวันที่ 27 พ.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.8 ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงพบ น.ส.รัชนี อายุ 49 ปี รวมทั้ง นายธีรศักดิ์ หรือ เจ อายุ 30 ปี น.ส.จิราพร อายุ 27 ปี และ น.ส.อารยา หรือ แค อายุ 21 ปี พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว
.
จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ Holek ขนาด.38 สเปเชียล ความยาวลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ภายในบรรจุกระสุนปืนขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 3 นัด และปลอกกระสุน ขนาด .38 สเปเชียล จำนวน 1 ปลอก ซึ่งทั้งหมดใส่อยู่ในซองพกในอ่อนหนังสีดำ วางซุกซ่อนอยู่ในตู้วางของภายในห้องนอนของบ้านหลังดังกล่าว สอบถาม น.ส.รัชนีฯ แจ้งว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของ นายธีรศักดิ์ หรือ เจ ลูกชายของตนเอง พร้อมทั้งเรียกลูกชายตนเองเข้ามาดูของกลาง นายธีรศักดิ์ฯ จึงยอมรับว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางดังกล่าวเป็นของตนจริง
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลในอุปกรณ์แท็บเล็ต ยี่ห้อ Apple รุ่น Ipad Pro ของ น.ส.จิราพร อายุ 27 ปี ผลการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบลงทะเบียนเข้าใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เจน เจน.” ซึ่งเป็นบัญชีเฟซบุ๊กที่เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนพบข้อมูลการกระทำความผิดเกี่ยวกันการปล่อยเงินกู้นอกระบบจริง โดยบางส่วนในไอแพด พบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้กู้ยืมเงินจำนวน 1,000 บาท
.
โดย น.ส.จิราพร ได้ให้กู้ยืมตามที่ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวร้องขอ โดยคิดดอกเบี้ยรายวัน วันละ 50 บาท ต่อจำนวนเงินต้น 1,000 บาท โดยก่อนโอนเงินให้ผู้กู้ น.ส.จิราพร จะหักเงินดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายวันในทันที ซึ่งผู้กู้ต้องนำเงินที่ได้กู้ยืมไปทั้งหมดมาคืนให้ครบตามกำหนด หากไม่ครบ ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปทุกวันจนกว่าจะชำระหนี้หมด คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.26 ต่อวัน หรือ 157.89 ต่อเดือน หรือ 1,921.05 ต่อปี (คำนวนด้วยตารางสูตรคิดคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบทั่วไป และแอปพลิเคชันของธนาคารแห่งประเทศไทย)
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ นางสาวรัชนี อายุ 49 ปี พบข้อความสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ชนิดดอกลอยหรือดอกแพงรายวัน โดย น.ส.รัชนีฯ ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้ปล่อยเงินกู้ จำนวน 4,000 บาท ให้กับู้กู้รายหนึ่ง โดยกำหนดดอกเบี้ยเป็นรายวัน วันละ 200 บาท จนกว่าจะคืนเงินต้นครบทั้งหมด หรือหากคืนเงินต้นบางส่วน ก็จะคิดดอกเบี้ยลดลงตามอัตราส่วน หรือเรียกว่าดอกลอยรายวัน โดยเมื่อคำนวนการกู้ยืมดังกล่าวตามตารางสูตรคิดคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบทั่วไป และแอปพลิเคชันของธนาคารแห่งประเทศไทย จะคิดเป็นร้อยละ 5 ต่อวัน หรือคิดเป็น 150 ต่อเดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 1,825 ต่อปี
.
จากนั้นได้ตรวจสอบข้อมูลในอุปกรณ์แท็บเล็ตยี่ห้อ Apple รุ่น IPad Air 5 ของ น.ส.อารยา หรือ แค อายุ 21 ปี เบื้องต้น พบข้อมูลการสนทนาบนแอปพลิเคชันแมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก ของ น.ส.อารยา กับ ผู้กู้ จำนวน 2 ราย พบว่ามีการให้กู้ยืมเงินโดยคิดอัตราเงินต้น 1,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายวันวันละ 50 บาท จนกว่าจะคืนเงินต้นทั้งหมด หรือหากคืนเงินต้นบางส่วนก็จะคิดดอกเบี้ยลดลงตามอัตราส่าวน เมื่อใช้สูตรคิดคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้จากแอปพลิเคชันธนาคารแห่งประเทศไทย มีอัตราดอกเบี้ยคิดเป็นร้อยละ 5.26 ต่อวัน หรือคิดเป็น 157.89 ต่อเดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 1,921.05 ต่อปี
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา นายธีรศักดิ์ หรือ เจ อายุ 30 ปี “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วน น.ส.รัชนี อายุ 49 ปี, น.ส.จิราพร อายุ 27 ปี และ น.ส.อารยา หรือ แค อายุ 21 ปี แจ้งข้อหา “จัดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ (1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” และ “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต” ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 รวบเครือข่ายอ้าง ดร.นิเวศน์หลอกลงทุนกว่า 11 ล้าน
.
สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook พบโพสต์ชวนเทรดหุ้นให้ผลตอบแทนดี จึงได้ติดต่อไปสอบถาม จากนั้นได้แอดไลน์กับผู้ใช้ไลน์ชื่อ “ดร.นิเวศน์” เพื่อพูดคุยเรื่องเทรดหุ้น แล้วได้ถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์ VIP ชื่อ“ผู้นำทางหุ้น99ชั้นระดับ VIP” จากนั้นไลน์ “ดร.นิเวศน์” แจ้งว่ามีหุ้นที่น่าสนใจให้ผู้เสียหายทดลองลงทุน โดยให้โอนเงินเข้าไปในแพลตฟอร์มปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้น ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย รวมทั้งหมด 14 ครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 11,780,000 บาท หลังการลงทุน ได้รับเงินคืนกลับมาจริงเป็นจำนวน 319,863 บาท แต่ยังไม่ได้อีก 11,460,137 บาท แต่ผู้เสียหายต้องการถอนเงินที่ลงทุนพร้อมกำไรทั้งหมด กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และคนร้ายได้อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ฝากเงินเพิ่ม สุดท้ายจึงรู้ตัวว่าโดนหลอกลวง
.
หลังพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังพร้อมหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1428/2567 ลงวันที่ 29 ต.ค.67 และหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 246/2568 ลงวันที่ 27 ก.พ.68 เข้าจับกุม น.ส.แก้วตา อายุ 36 ปี ในข้อหา “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะน่าไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมเปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว ตนเองตกงานและสภาพการเงินไม่ค่อยดี ขณะพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่ จ.ปราจีนบุรี ได้มีเพื่อนข้างห้องมาชักชวนให้ไปทำงานเป็นแม่ครัวที่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ตอบตกลงโดยก่อนข้ามไป เพื่อนข้างห้องแจ้งว่าต้องเปิดบัญชีเพื่อรับเงินค่าอาหารจากลูกค้า ตนจึงได้เปิดบัญชีและให้สมุดบัญชีธนาคารไปประมาณ 6 บัญชี ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินสดกลับมา จำนวน 1,000 บาท และได้ข้ามไปทำงานเป็นแม่ครัวได้ประมาณ 15 วัน จึงมีคนนำโทรศัพท์มาให้สแกนหน้าทุกวัน โดยเขาแจ้งว่าสแกนเพื่อให้ลูกค้าโอนเงินเข้า และก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ตนยังได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก จำนวน 8,000 บาท โดยตนไม่ทราบเลยว่าบัญชีของตนถูกนำไปใช้หลอกลวงบุคคลอื่น
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายอ้างหลอกโอนเงินอ้างลงทุนคริปโต เสียหาย 5.5 ล้าน
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหาย ได้รู้จักคนร้ายผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ต่อมาได้เพิ่มเป็นเพื่อนกันทางไลน์ แล้วได้พูดคุยกันเรื่อยมาจนเกิดความสนิทสนมกัน ต่อมาคนร้ายได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนสกุลเงินดิจิทัล โดยส่งลิงก์ของเว็บไซต์ปลอมให้ เพื่อให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน โดยคนร้ายเป็นผู้สมัครบัญชีลงทุนให้หลังจากนั้นได้ลงทุนโอนเงินเพื่อเทรดเหรียญคริปโตตามที่คนร้ายแนะนำ โดยเติมเงินเข้าระบบตามบัญชีปลายทางที่ได้รับแจ้งจากแอดมินจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นจำนวนเงิน 5,500,000 บาท แต่เมื่อจะถอนเงินกลับไม่สามารถถอนได้ จึงเชื่อว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
.
หลังพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย พ.ต.ท.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.ฯ ช่วยราชการ กก.3 บก.สอท.1 ได้นำกลังในสังกัดเข้าจับกุม นางสาวกรินษญาณ์ อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.417/2567 ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.5 รวบผู้ต้องหาเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ เสียหายกว่า 7.6 ล้าน
.
สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายได้รับข้อความทางแอปพลิเคชัน LINE จากคนแปลกหน้า ใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดี ลักษณะชักชวนพูดคุยทำความสนิทสนมกับผู้เสียหาย ต่อมาคนร้ายได้เริ่มชักชวนผู้เสียหายลงทุนขายของออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มชื่อดัง โดยอ้างว่าสามารถทำกำไรได้ดี ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปจำนวน 7,695,453.00 บาท
.
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้หลายราย ต่อมา พ.ต.ต.หญิง เกียรติสุดา แก้วชนะ สว.ฯ ช่วยราชการ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าจับกุม
นายชัชชัย อายุ 46 ปี บัญชีม้าแถวที่ 1 ในขบวนการ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2734/2568 ลงวันที่ 13 พ.ค.68
.
ในความผิดฐาน "เป็นผู้สนับสนุนกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง,โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด" เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #เงินกู้นอกระบบ #ดอกเบี้ยโหด #ปล่อยกู้โหด #อาวุธปืนเถื่อน #เครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ #หลอกลงทุน #หลอกลงทุนหุ้น #หลอกลงทุนคริปโต #บัญชีม้า #แชร์ลูกโซ่ #ดอกลอยรายวัน #เงินกู้ผิดกฎหมาย #สอท #ตำรวจไทย
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB