ตำรวจไซเบอร์ตามรวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายโจรออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์ตามรวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายโจรออนไลน์
ตำรวจไซเบอร์ตามรวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายโจรออนไลน์
.
วันพฤหัสบดีที่ 8 พ.ค.68 เวลา 11.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ตามรวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก พร้อมเดินหน้าล่าเครือข่ายโจรออนไลน์
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
.
1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
- รวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก จำนวน 1 ราย
.
2. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย
- รวบเครือข่ายหลอกลงทุนผ่านเว็บไซต์อเมซอลปลอม ทำแม่บ้านสาวสูญนับล้านบาท จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายแอบอ้างดาราหลอกลงทุนเทรดหุ้น เสียหายกว่า 80,000 บาท จำนวน 1 ราย
- รวบเครือข่ายอ้างบริษัท “อมตะ” หลอกลงทุนเสียหายกว่า 4.2 แสนบาท จำนวน 1 ราย
.
จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.3 บก.สอท.5 รวบหนุ่มนครคาบ้าน หลังโพสต์ปืนอวดเฟซบุ๊ก
.
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนพบบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พันธ์ นครศรี” ได้โพสต์ภาพอาวุธปืนและกระสุน ในลักษณะถ่ายคู่กับตนเอง และพกพาไว้ในรถกระบะส่วนตัว โดยมีการโพสต์ภาพอาวุธปืนลงเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง โดยตรวจพบการโพสต์ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.58 เป็นต้นมา กระทั่งพบการโพสต์ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.พ.68
.
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ท้าทายกฎหมาย และอาจเสี่ยงต่อการที่เจ้าของโพสต์อาจนำอาวุธปืนไปก่อเหตุความรุนแรงในอนาคตได้
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สืบสวนจนทราบตัวเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นเป้าหมายได้สำเร็จ
.
โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 โดยร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ ค.66/2568 ลงวันที่ 4 พ.ค.68 เข้าตรวจตรวจค้น อาคารห้องแถวชั้นเดียวไม่มีเลขที่ สองห้องติดกัน หลังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช
.
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึง ได้พบนายสุรพรรณ อายุ 37 ปี ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว นั่งอยู่ที่เปลหน้าอาคารดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ สโตเกอร์ รุ่น คูการ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 10 นัด อยู่ภายในซองพกในอ่อนหนังสีดำ ซึ่งซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายข้างหนังสีดำ วางอยู่ในเปลผ้าใบที่นายสุพรรณนั่งอยู่
.
เบื้องต้น นายสุรพรรณ ยอมรับว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ตรวจพบนั้น ตนเองเป็นผู้ครอบครองจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายสุพรรณ พบการใช้งานเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “พันธ์ นครศรี” ที่มีการโพสต์ภาพอาวุธปืนลงเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง เมื่อตรวจสอบข้อมูลการสนทนาใน Messenger ของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังพบแชทการสนทนาซื้อขายอาวุธปืนอีกด้วย
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร” ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลการซื้อขายอาวุธปืนดังกล่าวจากแชทสนทนาที่พบ เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
.
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.2 บก.สอท.2 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนผ่านเว็บไซต์อเมซอลปลอม ทำแม่บ้านสาวสูญนับล้าน
.
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้แจ้งความ จากการถูกชักชวนให้หารายได้จากเว็บไซต์ amazon-market.top โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินไปลงทุนซึ่งจะแลกเป็นเหรียญดอลล่าห์เพื่อซื้อสินค้าต่างๆ มาขายให้กับผู้ที่มาซื้อในเว็ปไซต์ดังกล่าว โดยผู้เสียหายได้โอนเงินไปมากกว่า 10 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 993,466 บาท พยายามถอนเงินออกมาแต่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.2 บก.สอท.2 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ปวีณา ผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและจับกุม ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์,ร่วมกันใช้บัตร-อิเล็กทรอนิกส์(ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อย่างอื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด)ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดการความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,ร่วมกันนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน”
.
เบื้องต้น น.ส.ปวีณา ให้การว่าตนเองได้ขายบัญชีไปให้กับ น.ส.สกาวฯ ซึ่งเป็นคนรู้จัก จำนวน 4 บัญชี ได้เงินค่าจ้างจำนวน 1,200 บาท และได้ให้บัญชีกับ น.ส.สกาวฯ ไป และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด
.
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.2 รวบเครือข่ายอ้างบริษัท “อมตะ” หลอกลงทุนเสียหายกว่า 4.2 แสนบาท
.
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ใช้แอปพลิเคชันเฟซบุ๊กแล้วพบโฆษณาของเพจ “Marketing Fund” เกี่ยวกับการชักชวนลงทุน ที่ได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายสนใจจึงได้ติดต่อเพจดังกล่าว และได้เปลี่ยนไปสนทนากันผ่านแอปพลิเคชัน Line โดยไลน์ดังกล่าวแอบอ้างตัวเป็นแอดมินของบริษัท อมตะ คอปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) จากนั้นมิจฉาชีพได้แนะนำขั้นตอนการทำธุรกรรมฝากเงินเข้ากองทุน สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 421,317 บาท
.
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้ จำนวน 12 ราย โดยตำรวจไซเบอร์ได้ติดตามจับกุมตัวได้แล้วจำนวน 9 ราย โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นางจีราพรรณ หนึ่งในขบวนการ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 1335/2567 ลงวันที่ 20 ธ.ค.67 ในข้อหา “กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวก(เป็นผู้สนับสนุน)ในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,เป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณ ริมถนนพรประภานิมิต หมู่ที่ 4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยรับสารภาพแค่ว่าเคยให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบอีกว่า เส้นทางการเงินของผู้ต้องหารายนี้ยังเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ อีกจำนวน 18 คดี ในต่างท้องที่กัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเครือข่ายแอบอ้างดาราหลอกลงทุนเทรดหุ้น เสียหายกว่า 80,000 บาท
.
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.66 ขณะที่ผู้เสียหายเล่นเฟซบุ๊กอยู่ที่บ้าน ได้มีบุคลแอบอ้างเป็นนักแสดงชื่อดัง ชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายหลังเชื่อจึงโอนเงินลงทุนตามคำชักชวน แต่ปรากฎว่าเมื่อได้ลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ เสียหายรวมเป็นเงินกว่า 80,000 บาท
.
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้หลายราย โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้ร่วมกันจับกุม นายนเรศ อายุ 31 ปี เจ้าของบัญชีม้าแถวแรกในขบวนการตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.615/2568 ลงวันที่ 24 เม.ย.68 ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชี เงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยควบคุมตัวได้บริเวณกระท่อมไม่มีเลขที่ ม.3 ต.ประดาง อ.วังเจ้า จ.ตาก
.
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองไม่เคยไปเปิดบัญชีธนาคารไว้เลย ไม่ทราบว่ามีใครนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีหรือไม่อย่างไร เพราะได้ทำบัตรประชาชนหายไป ซึ่งตนเองก็เพิ่งมาทราบตอนถูกจับกุมว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกนำมาเป็นบัญชีม้าให้ขบวนการมิจฉาชีพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.1 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #จับหนุ่มโพสต์ปืน #โพสต์ปืนลงเฟซ #ล่าเครือข่ายออนไลน์ #หลอกลงทุน #แอบอ้างดารา #บัญชีม้า #CyberPolice #GunPostArrest #FakeInvestmentScam #SocialMediaCrime #OnlineFraud #ImpersonationCrime #MuleAccount #CyberCriminalNetwork #DigitalCrime
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB