ตร.ไซเบอร์รวบม้าตระเวนกดเงินเหยื่อหลอกลงทุนส่งบอสสแกมเมอร์ชาวจีน และรวบ 2 พ่อลูกรับจ้างถอนเงิน เครือข่ายหลอกซื้อขายรถยนต์ผ่านโซเชียล
ตร.ไซเบอร์รวบม้าตระเวนกดเงินเหยื่อหลอกลงทุนส่งบอสสแกมเมอร์ชาวจีน และรวบ 2 พ่อลูกรับจ้างถอนเงิน เครือข่ายหลอกซื้อขายรถยนต์ผ่านโซเชียล
ตร.ไซเบอร์รวบม้าตระเวนกดเงินเหยื่อหลอกลงทุนส่งบอสสแกมเมอร์ชาวจีน และรวบ 2 พ่อลูกรับจ้างถอนเงิน เครือข่ายหลอกซื้อขายรถยนต์ผ่านโซเชียล
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันศุกร์ที่ 21 พ.ย.68 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์รวบม้าตระเวน กดเงินเหยื่อหลอกลงทุนส่งบอสสแกมเมอร์ชาวจีน และรวบ 2 พ่อลูกรับจ้างถอนเงิน เครือข่ายหลอกซื้อขายรถยนต์ผ่านโซเชียล
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินการตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ในการยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือแก๊งสแกมเมอร์ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จนนำมาสู่ผลการจับกุมคดีสำคัญ จำนวน 2 คดี ดังนี้
ผลการปฏิบัติที่ 1 : รวบม้าตระเวนกดเงินเหยื่อหลอกลงทุน ส่งบอสสแกมเมอร์ชาวจีน
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2568 ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงวัยรายหนึ่ง ได้ใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok แล้วพบโฆษณาชักชวนให้ลงทุนหุ้น ผู้เสียหายเห็นโฆษณาว่าลงทุนน้อยแต่ได้กำไรดีจึงตัดสินใจติดต่อไป และได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์เทรดหุ้น โดยช่วงแรกของการลงทุนสามารถทำกำไรได้ดีจริงตามที่โฆษณากล่าวอ้าง จึงเริ่มโอนเงินลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายโดนหลอกลวงไปเป็นจำนวนเงินกว่า 2 แสนบาท และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมา กก.2 บก.สอท.4 ได้สืบสวนกรณีดังกล่าว พบว่าเส้นทางการเงินหลังจากที่เหยื่อโอนเข้าบัญชีม้าแถว 1 แล้ว ได้ถูกโอนต่ออย่างรวดเร็วไปยังบัญชีม้าแถว 2 ทันที และเมื่อไหร่ที่มียอดเงินจากการหลอกลวงเหยื่อเข้าบัญชีม้าแถว 2 แล้ว ภายใน 3 นาทีหลังจากนั้น เงินจะถูกกดออกจากตู้ ATM ทั้งหมดทันที และจะเป็นแผนประทุษกรรมแบบนี้เสมอ จากการตรวจสอบบัญชีม้าดังกล่าว พบว่ามีความเกี่ยวพันกับคดีอื่นๆ อีกกว่า 10 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้สำเร็จ
ต่อมา พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บกสอท.4 ได้นำกำลังลงพื้นที่ประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กทม. เพื่อเฝ้าติดตามและสังเกตการณ์ กระทั่งสามารถจับกุมตัว นายธวัชวงค์ หรือ หย่าง อายุ 19 ปี ชาวเชียงใหม่ คนไทยสัญชาติจีน ผู้ทำหน้าที่กดเงินสด และ นายวรากรณ์ อายุ 18 ปี ชาวเชียงใหม่ คนไทยสัญชาติจีนฮ่ออิสระ เจ้าของบัญชีม้า แถว 2 ตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเปิดหรือยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยเจตนามิได้ใช้เพื่อตนเองหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
จากการสอบถาม นายธวัชวงค์ฯ รับสารภาพว่า ตนเองทำหน้าที่กดเงินสดตามที่บอสชาวจีนเป็นผู้สั่งการผ่านแอปพลิเคชัน wechat โดยบอสชาวจีนเป็นผู้กำหนดจุดในการนัดรับบัญชีม้าที่บอสจีนเป็นผู้หามาให้ ซึ่งใน 1 ชุดมี บัตร ATM พร้อมรหัสผ่าน, หมายเลขบัญชีธนาคาร และโทรศัพท์มือถือ เมื่อตนรับมาแล้วต้องทดสอบว่าใช้งานได้หรือไม่แล้วแจ้งบอสกลับไปด้วยรหัสลับที่รู้กัน 2 คน
จากนั้น นายหย่าง ต้องสแตนบายรอตามตู้ ATM จุดต่างๆ เพื่อรอเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี เมื่อหลอกเหยื่อสำเร็จนายหย่างต้องรีบวิ่งไปกดเงินจากตู้ ATM ให้ไวที่สุดเพื่อป้องกันการอายัดบัญชี เมื่อได้เงินสดออกมาแล้ว ต้องรอจนกว่าบอสชาวจีนจะส่งคนมารับเงินจากมือ เป็นอันเสร็จภารกิจ
นายหย่างรับว่าตนเองทำแบบนี้ทุกวัน โดยเคยกดเงินได้สูงสุดถึง 400,000 บาทต่อวัน และตนเองได้ค่าตอบแทนประมาณ 4,000 บาท หรือคิดเป็น 1% ของเงินที่กด ส่วนสถานที่กดเงินนั้น บอสชาวจีนจะสั่งให้เปลี่ยนตู้ ATM ทุกวันเพื่อเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ บอสชาวจีนยังจัดหาที่พักรายวันอย่างดีให้โดยเปลี่ยนที่พักทุกคืน และยังเช่ารถจักรยานยนต์ให้และเปลี่ยนรถทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่เช่นกัน
ส่วนนายวรากรณ์ รับสารภาพว่าตนเองเป็นเจ้าของบัญชีม้าแถว 2 ในคดีนี้ ตนไม่มีอาชีพหลักแหล่ง อาศัยบ้านเพื่อนเพื่อเสพกัญชาและน้ำกระท่อมไปวันๆ กระทั่งช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้พบกับนายหย่าง ซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกพี่ของ นายหย่างเองชอบดื่มน้ำกระท่อมเป็นประจำเหมือนกัน จึงได้รู้จักกัน ภายหลังนายหย่างขอเช่าบัญชีธนาคารไปใช้ ซึ่งตนรู้ว่าดีว่าเอาไปใช้เป็นบัญชีม้า แต่นายหย่างให้ค่าตอบแทนดีถึง 5,000 บาทต่อวัน ตนเองจึงยินยอม กระทั่งมาถูกจับกุมในที่สุด
ผลการปฏิบัติที่ 2 : รวบ 2 พ่อลูกรับจ้างถอนเงิน เครือข่ายหลอกซื้อขายรถยนต์ผ่านโซเชียล
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 27 ต.ค.68 ผู้เสียหายรายหนึ่งได้ติดต่อซื้อขายรถยนต์ผ่าน Facebook Marketplace พบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "เหนือสุด" ได้เป็นนายหน้าโพสต์ขายรถยนต์ Toyota Rivo 4x4 2.8 ปี 2018 ตนเองเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อไป จากนั้นคนร้ายได้ส่งภาพถ่ายรถยนต์มาให้ดู สุดท้ายตกลงซื้อรถคันดังกล่าวกันในราคา 250,000 บาท จากนั้นคนร้ายได้นัดหมายให้ผู้เสียหายไปพบกับเจ้าของรถยนต์ ณ ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ แม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
เมื่อถึงวันเวลาที่นัดหมาย ผู้เสียหายจึงเดินทางไปยังที่สถานที่นัดหมาย และได้พบเจ้าของรถยนต์ และรถยนต์คันที่ตกลงซื้อขายจริง เมื่อตกลงซื้อขายกัน ผู้เสียหายจึงได้โอนเงิน จำนวน 250,000 บาท ให้นายหน้าไปยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายแจ้ง แล้วนายหน้าจะโอนเงินให้เจ้าของรถเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ปรากฏว่าเจ้าของรถยังไม่ได้รับการโอนเงินเข้ามาจากนายหน้าแต่อย่างใด เมื่อตรวจสอบในแชทที่พูดคุย พบว่ามีการยกเลิกข้อความหมายเลขบัญชีธนาคารที่คนร้ายแจ้งให้ ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าโดนหลอก และได้เข้าแจ้งความในเวลาต่อมา
ต่อมา พ.ต.อ.สุบรรณ โชคพิมพา ผกก.กก.1 บก.สอท.4 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า เงินของผู้เสียหายได้ถูกโอนเข้าบัญชีม้าเพียงทอดเดียวแล้วถูกถอนออกทันทีผ่านตู้ ATM ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงได้สืบสวนขยายผลกระทั่งรู้ตัวผู้ถอนเงิน และได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดเชียงรายออกหมายจับได้สำเร็จ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม นายธิติศักดิ์ อายุ 57 ปี และนายภาสกร อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน พร้อมของกลางเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะกดเงินสด บัญชีธนาคารที่ใช้รับและถอนเงินที่หลอกลวงจากผู้เสียหายและโทรศัพท์มือถือ
เบื้องต้น นายภาสกร อ้างว่า ตนมีอาชีพซื้อขายรถยนต์มือสองและได้รู้จักกับชายไม่ทราบชื่อผ่านเฟซบุ๊กแล้วพูดคุยเรื่องซื้อขายรถยนต์กัน กระทั่งวันเกิดเหตุชายดังกล่าวได้บอกว่าจะมีลูกค้าโอนเงินค่าซื้อรถยนต์เข้าบัญชีธนาคารของนายธิติศักดิ์ พ่อของตนเอง เมื่อเงินเข้าแล้ว ตนเองและพ่อจึงได้พากันไปกดเงินสดออกจากตู้ ATM ทันที แล้วนำเงินทั้งหมดไปส่งมอบให้ชายคนหนึ่งอีกคน บริเวณห้างสรรพสินค้าในเชียงใหม่ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 4,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #cyberpolice #จับกุม #ม้ากดเงิน
ตำรวจไซเบอร์
CCIB #CCIB