ตร.ไซเบอร์บุกค้น 6 บริษัทเถื่อนเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเหยื่อถูกหลอกโอนเข้าบัญชีแล้วกว่า 34 ล้านบาท
ตร.ไซเบอร์บุกค้น 6 บริษัทเถื่อนเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเหยื่อถูกหลอกโอนเข้าบัญชีแล้วกว่า 34 ล้านบาท
ตร.ไซเบอร์บุกค้น 6 บริษัทเถื่อนเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเหยื่อถูกหลอกโอนเข้าบัญชีแล้วกว่า 34 ล้านบาท
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันศุกร์ที่ 24 ต.ค.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์บุกค้น 6 บริษัทเถื่อนเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเหยื่อถูกหลอกโอนเข้าบัญชีแล้วกว่า 34 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ จึงได้เร่งสืบสวน ขยายผล และกวาดล้างจับกุมอย่างเข้มข้น จนนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้สืบสวนคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้บัญชีม้าถอนเงินสดจากธนาคาร แล้วนำเงินสดไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน จนนำมาสู่การออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในข้อหา “ร่วมกันกันฉ้อโกงประชาชน”, “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่ทำให้ เกิดความเสียหายแก่ประชาชน”, “ร่วมกันซ่องโจร”, “ร่วมกันสมคบกันฟอกเงิน” และ “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้ หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน”
ต่อมา 9 ต.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถจับกุม นายณัฐนันท์ อายุ 35 ปี พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญเป็นโทรศัพท์มือถือ iPhone 15 Pro Max จำนวน 1 เครื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว พบข้อมูลหลักฐานสำคัญเป็นแชทที่ นายณัฐนันท์ ได้พูดคุยกับผู้สั่งการที่เชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนจีนผ่านแอปพลิเคชัน Telegram จากการตรวจสอบบทสนทนา พบว่า หลังจากนายณัฐนันท์ทำหน้าที่ถอนเงินสดบัญชีม้าแล้ว ได้ผันตัวเองเป็นผู้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีธนาคารเพื่อรอรับเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด แล้วคอยถอนเงินหรือโอนเงินต่อเพื่อปกปิดเส้นทางการเงินอันเป็นการฟอกเงิน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลว่า นายณัฐนันท์ ได้จัดหาบัญชีธนาคารประเภทนิติบุคคลรูปแบบบริษัทมารับเงินผิดกฎหมาย ทั้งหมด จำนวน 9 บัญชี โดยทั้ง 9 บัญชี ถูกจดทะเบียนเป็นชื่อบริษัทจำนวน 6 บริษัท เมื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวในบัญชีทั้งหมด พบว่าเป็นบัญชีที่ใช้รับเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงออนไลน์และได้แจ้งความไว้ในระบบ thaipoliceonline แล้วจำนวน 30 เคสไอดี รวมความเสียหายกว่า 34 ล้านบาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายค้นนิติบุคคลทั้ง 6 บริษัท และได้เข้าตรวจค้น จำนวน 6 จุด ดังนี้
1. บริษัท มิสเตอร์ ฟรุตแลนด์ ควอลิที เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 66 ถนนอ่อนนุช แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม.
2. บริษัท สุรีย์ เฮาส์ แคร์ เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 66 ถนนอ่อนนุช แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม.
3. บริษัท อาชา อินโนเวชั่น จำกัด ตั้งอยู่ในซอย 54 แยก 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
4. บริษัท ประเสริฐทรัพย์ฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ในซอยชิดลม ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.
5. บริษัท สุนาวี ซุปเปอร์ ซิลิโคน รับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในซอยชิดลม ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.
6. บริษัท นาวี เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในซอยชิดลม ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.
ผลการตรวจค้น พบว่าทั้ง 6 บริษัท ไม่ได้มีการดำเนินกิจการตรงตามที่แจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จึงเชื่อว่าเป็นเพียงการจดทะเบียนนิติบุคคลขึ้นมาเพื่อใช้ในการเปิดบัญชีคอยรับเงิน และฟอกเงินให้แก่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับทั้ง 6 บริษัทดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัว และสืบสวนขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#ตำรวจไซเบอร์ #cyberpolice #จับกุม #บริษัทเถื่อน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
ตำรวจไซเบอร์
CCIB
#CCIB