ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายเพจ “ปลูกผักเพราะรักแม่” หลอกลงทุนหุ้นอ้างชื่อ “โอ้กะจู๋” เสียหายเกือบ 8 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายเพจ “ปลูกผักเพราะรักแม่” หลอกลงทุนหุ้นอ้างชื่อ “โอ้กะจู๋” เสียหายเกือบ 8 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายเพจ “ปลูกผักเพราะรักแม่” หลอกลงทุนหุ้นอ้างชื่อ “โอ้กะจู๋” เสียหายเกือบ 8 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
.
วันจันทร์ที่ 6 ต.ค.68 เวลา 15.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน ” ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายเพจ “ปลูกผักเพราะรักแม่” หลอกลงทุนหุ้นอ้างชื่อ “โอ้กะจู๋” เสียหายเกือบ 8 ล้าน อายัดทัน 1.5 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดขับเคลื่อนโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” ให้ต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 230 ล้านบาท
.
ล่าสุด ได้มีกรณีเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหายได้พบเพจเฟซบุ๊ก “ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด” ได้โพสต์โฆษณาชักชวนให้ลงทุนซื้อขายหุ้น “โอ้กะจู๋ หรือ OKJ ” ผ่านช่องทางออนไลน์ อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงและไม่มีขาดทุน ผู้เสียหายเกิดความสนใจ จึงได้ติดต่อเพจดังกล่าวเพื่อพูดคุยรายละเอียด
.
ต่อมา คนร้ายแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ สกุล หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อจะเอาข้อมูลดังกล่าว ไปเปิดพอทเพื่อลงทุน จากนั้นคนร้ายใช้ไลน์ชื่อ K ชนะพล (Brokerคม ) ติดต่อมา อ้างว่าเป็นโบรกเกอร์ จะสอนลงทุนซื้อขายหุ้นผ่านแพลตฟอร์ม securities-trade vip ให้
.
ผู้เสียหายจึงเริ่มโอนเงินครั้งแรกเพื่อเปิดพอร์ตลงทุน จำนวน 1,000 บาท จากนั้นได้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 7,943,590 บาท
.
จากกรณีดังกล่าว กก.2 บก.สอท.2 ได้รวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนติดตามจับกุม นางสาวนิศากร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3443/2568 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2568 หนึ่งในขบวนการได้ โดยดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคลคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่น”
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของ นางสาวนิศากร ไว้ได้ ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าวเพื่อลงทุนตามที่ถูกหลอก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 1,959.909 บาท ซึ่งสามารถอายัดได้ทัน จำนวน 1,549,129.50 บาท ภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา นางสาวนิศากร ผู้ต้องหา ให้ถ้อยคำว่า ตนเองเคยขายบัญชีให้แก่
นายภูมิ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริงไป ซึ่งตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ ไม่ขอโต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน 1,549,129.50 บาท คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ“MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน”
.
#ตำรวจไซเบอร์ #บัญชีม้า #คืนเงิน #MoneyCashBack
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB