ตำรวจไซเบอร์ขยายผล 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้นเสียหายกว่า 28 ล้าน ตามรวบนายหน้าคุมกรรมการบริษัทไปถอนเงินอีก 6 ราย
ตำรวจไซเบอร์ขยายผล 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้นเสียหายกว่า 28 ล้าน ตามรวบนายหน้าคุมกรรมการบริษัทไปถอนเงินอีก 6 ราย
ตำรวจไซเบอร์ขยายผล 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้นเสียหายกว่า 28 ล้าน ตามรวบนายหน้าคุมกรรมการบริษัทไปถอนเงินอีก 6 ราย
.
วันจันทร์ที่ 6 ก.ย.68 เวลา 15.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ขยายผล 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้นเสียหายกว่า 28 ล้าน ตามรวบนายหน้าคุมกรรมการบริษัทไปถอนเงินอีก 6 ราย
.
สืบเนื่องจาก กก.3 บก.สอท.2 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า มีผู้เสียหายได้พบบัญชีเฟซบุ๊กแฟนเพจแอบอ้างชื่อ “อ.นเรศ งามอภิชญ์” นักวิเคราะห์การลงทุนชื่อดัง ได้โฆษณาชักชวนให้ลงทุน โดยเพจดังกล่าวทักแชทหาผู้เสียหาย ต่อมาได้แอดไลน์แล้วส่งต่อให้พูดคุยกับเลขาทางแอปพลิเคชันไลน์ แล้วมีการดึงเข้ากลุ่มไลน์และจัดสัมมนาผ่าน Zoom เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นอ้างว่ามีโครงการ “Profit Pulse” เป็นการลงทุนซื้อหุ้นนอกตลาดราคาถูกแล้วขายทำกำไร พร้อมให้สมัครใช้งานแพลตฟอร์มปลอมชื่อ SAXOPLUS TH เพื่อใช้สำหรับจองซื้อหุ้น
.
ต่อมา คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารนิติบุคคลหลายแห่งเพื่อซื้อหุ้น และยังใช้กลลวงเพื่อบังคับให้โอนเงินเพิ่มเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น ต้องชำระค่าธรรมเนียม ค่าทีมวิเคราะห์ ค่าแพลตฟอร์ม วางเงินสำรองปลดล็อกบัญชี หากไม่ชำระจะถูกรีเซ็ตระบบ เป็นต้น ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเพิ่มตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยคนร้ายอ้างว่าระบบล็อกบัญชีเนื่องจากมีคนพยายามแฮก ต้องโอนเงินเพิ่มอีกเพื่อแก้ไข สุดท้ายผู้เสียหายจับพิรุธได้และรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง รวมความเสียหายทั้งสิ้น 28,773,066.18 บาท
.
จากการนำทีมสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ทราบว่า มิจฉาชีพใช้บัญชีธนาคารที่เป็นชื่อบริษัทบังหน้าในการรับโอนเงินทั้งหมด จำนวน 20 บริษัท ผ่าน 21 บัญชีธนาคาร มีผู้ต้องหาเกี่ยวข้องรวม 18 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากรรมการผู้จัดการบริษัทและได้ออกหมายจับบุคคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลไปแล้ว จำนวน 18 ราย จาก 20 บริษัท แยกเป็นแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 11 ราย และออกหมายจับและจับกุม จำนวน 7 ราย
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่ว่าจ้างเจ้าของบัญชีบริษัทดังกล่าวเพื่อถอนเงินที่รับโอนจากผู้เสียหาย โดยมีหน้าที่พากรรมการผู้จัดการบริษัทไปถอนเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ของธนาคาร และแบ่งผลประโยชน์กัน จนนำมาสู่การออกหมายจับบุคคลเพิ่มเติมอีก 7 ราย และสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 6 ราย ดังนี้
1. นางกรรณิการ์ (จับกุมแล้ว)
2. นายทศพล (จับกุมแล้ว)
3. น.ส.ฐิติกานต์ อายุ 32 ปี (จับกุมแล้ว)
4. นายศักดิ์สิทธิ์ อายุ 42 ปี (จับกุมแล้ว)
5. นายณรงค์ชัย (จับกุมแล้ว)
6. นายไชยา (จับกุมแล้ว)
7. นายเอกวุฒิ อายุ 32 ปี (หลบหนี)
.
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่น รวมทั้งผู้สั่งการ และผู้รับผลประโยชน์ของขบวนการดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #จับกุม #บริษัทเถื่อน #บัญชีม้านิติบุคคล #บัญชีม้า
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB