ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจไซเบอร์แถลงแจ้งข้อกล่าวหา

ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

บุกปูพรมค้น 7 จุด อายัดทรัพย์กว่า 90 ล้าน หวังทวงเงินคืนผู้เสียหาย

.

วันนี้ 20 ก.ค.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต. ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และนายสมชาย พลายด้วง ผอ.กองคดี 5 ปปง. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ปปง. ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ จ.อุดรธานี 6 จุด และ กทม.1 รวมทั้งสิ้น 7 เป้าหมาย เพื่อยึดทรัพย์ของขบวนการเครือข่ายฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่ง ปปง. ดำเนินการตามกฎหมาย

.

โดยจุดที่น่าสนใจคือ การตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เปิดรับซื้อพืชผลทางการเกษร ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ซ.บัานหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยสามารถตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อ Porsche  Cayenne 1 คัน มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ LAMBRETTA รุ่น X300 สีเขียว มูลค่า 1.5 แสนบาท เงินสด 439,000 บาท เงินสดสกุลลาว 530,000 กีบ นาฬิกา ยี่ห้อ ROLEX รุ่น SUBMARINER สีเขียว มูลค่า 3.2 แสนบาท นาฬิกา ยี่ห้อ FRANCK MULLER รุ่น YACHTING สีน้ำเงิน มูลค่า 3 แสนบาท กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจยึดกระเป๋าแบรนด์เนมโฉนดที่ดินอสังหาริมทรัพย์ ในจุดอื่นๆ ได้ รวมมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท

.

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก ได้มีกลุ่มผู้เสียหาย กว่า 166 รายยื่นร้องเรียนและขอความช่วยเหลือไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ว่าได้รับความเสียหายจากกลุ่มขบวนการ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่งหลอกโอนเงิน สร้างความเสียหายประมาณ 90 ล้านบาท โดยเกิดเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ในหลายท้องที่ทั่วประเทศ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์สืบสวนขยายผลจับกุม และสืบทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการดังกล่าว อีกทั้งกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่ามีการกระทำการอันเป็นการสนับสนุนการฟอกเงิน

.

จากการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเงินจากกลุ่มบัญชีม้า ซึ่งรับจ้างเปิดบัญชีแก่กลุ่มมิจฉาชีพให้นำไปใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบัญชีม้าดังกล่าวในฐานความผิด "สนับสนุนการกระทำความผิดในความผิดฐานฟอกเงิน" ไปแล้วก่อนหน้านี้

.

จากการขยายผลเส้นทางทางการเงิน พบความเชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ อีกหลายราย ทั้งในส่วนของบุคคลผู้ทำหน้าที่ตระเวนกดเงิน รับผลประโยชน์จากบัญชีผู้ต้องหา อีกทั้ง พบพยานหลักฐานและพฤติการณ์ของกลุ่มที่เป็นนายหน้า จ้างให้เปิดบัญชีเพื่อนำมาใช้ในการปกปิด อำพราง ธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สิน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ยังพบว่า มีอยู่ในการครอบครองอีกหลายรายการ อันน่าเชื่อว่าเป็น "ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด" ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น 7 จุด จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้

.

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จะนำของกลางที่ยึดได้ส่งให้ทาง ปปง. เป็นผู้ดำเนินการ โดยจะให้เจ้าของนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สิน หากพบว่าไม่สามารถชี้แจงได้ ก็ถือว่าเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน"  และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้ หรือ ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเหล่านั้นนำขายทอดตลาด เพื่อมุ่งหวังนำเงินมาคืนให้แก่กลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน และนอกจากนี้ ทางตำรวจไซเบอร์จะขยายผลหาความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ และรีบดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

.

#ตำรวจไซเบอร์ #ปปง #จับกุม #ยึดทรัพย์ #ฟอกเงิน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์


#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB