ตร.ไซเบอร์จับเครือข่ายแก๊งตุ๋น ผจก.ธนาคาร โดนหลอกมัดจำเงินกู้ เสียรู้ไปกว่า 1.3 ล้านบาท

ตร.ไซเบอร์จับเครือข่ายแก๊งตุ๋น ผจก.ธนาคาร

โดนหลอกมัดจำเงินกู้ เสียรู้ไปกว่า 1.3 ล้านบาท

.

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีบนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

.

สืบเนื่องจากผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้กรอกแบบฟอร์มยื่นเรื่องขอกู้เงินจำนวน 500,000 บาท ไว้กับธนาคาร 2 แห่ง เพื่อนำมาช่วยน้าสาวที่ต้องการใช้เงินลงทุน แต่หลังจากผ่านไป 3-4 วัน หลังจากกรอกแบบฟอร์ม จู่ ๆ ก็มีข้อความส่งมาในแอปพลิเคชันไลน์ว่า มีสินเชื่อส่วนบุคคล ให้ทำการสมัครลิงก์ ผู้เสียหายจึงกรอกแบบฟอร์มสมัครไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2565 พอวันรุ่งขึ้นก็มีการแจ้งผลกลับมาว่า อนุมัติวงเงิน 500,000 บาท แต่อ้างว่า เนื่องจากเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และผู้เสียหายเป็นลูกค้าใหม่ จะต้องกันวงเงินไว้ 11% ของวงเงินกู้เท่ากับ 55,000 บาท ให้โอนเข้ามาในบัญชีเพื่อล็อกวงเงินไว้ แต่หลังจากที่โอนให้ไป มิจฉาชีพก็ยังบอกให้โอนเงินให้อีกจำนวนหลายครั้ง ครั้งละตั้งแต่ 150,000 - 200,000 บาท สรรหาข้ออ้าง

ต่าง ๆ เช่น ค่าแก้ข้อมูล ค่าแก้สัญญา ค่าเอกสาร บ้างก็ว่าเครดิตในระบบ ไม่พอต้องโอนเงินเข้าเครดิตก่อนถึงจะถอนเงินได้ บ้างก็บอกว่าบัญชีโดนล็อก ต้องโอนเงินเพื่อทำการปลดบัญชีกระทั่งรอบสุดท้ายให้โอนเงิน 350,000 บาท เพื่อเติมเครดิต รวมโอนเงินไปทั้งหมด 7 ครั้ง สูญเงินไป 1,360,000 บาท ไม่คิดว่าจะถูกหลอกทั้งที่เธอก็เป็นผู้จัดการธนาคาร ยอมรับว่ามิจฉาชีพแนบเนียนมาก มีทั้งหลักฐาน เอกสารที่น่าเชื่อถือ ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อ

.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนว่า นายพีรพัฒน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา พักอาศัยในพื้นที่จังหวัดลพบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 11.30 น. พบชายที่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงกับ นายพีรพัฒน์ฯ บุคคลตามหมายจับ  อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ต.ท่าศาลา อ.เมือง จว.ลพบุรี พร้อมแจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

.

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ  พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 , พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.วีระ หอมเย็น รอง ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สั่งการ พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.ฯกก.1 บก.สอท.5, ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.1 บก.สอท.5, ด.ต.พลชัย  พรหมทองรักษ์  ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.5


#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB