ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ "Operation Inbox Scam พิทักษ์รากแก้ว ทลายทรชน" กวาดล้างเครือข่ายหลอกขายนมผง และรถไถ

ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ "Operation Inbox Scam พิทักษ์รากแก้ว ทลายทรชน" กวาดล้างเครือข่ายหลอกขายนมผง และรถไถ

.

วันนี้ 20 พ.ย.66 เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 นำโดย พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3, พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.ปรก.กก.2 บก.สอท.3, ร.ต.อ.ณัณทศักดิ์ ผาจันทร์ รอง สว.กก.2 บก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมแถลงข่าวปฏิบัติการ "Operation Inbox Scam พิทักษ์รากแก้ว ทลายทรชน" กวาดล้างเครือข่ายหลอกขายนมผง และรถไถ

.

1. ปฏิบัติการ "ทลายเครือข่ายหลอกขายนมผง" พฤติการณ์ของมิจฉาชีพในขบวนการนี้ คนร้ายอาศัยวิธีสร้างเพจจาก Clicksalepage (การสร้างเพจเว็บไซต์หน้าเดียว) เพื่อใช้ในการหลอกลวงบุคคลอื่น โดยคนร้ายได้ทำการสร้างเพจขึ้นมา ชื่อเพจว่า “เอนฟา Enfa Smart Club” โดยคนร้ายจะคัดลอกภาพจากอินเตอร์เน็ต เพื่อทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อ เนื่องจากชื่อเพจ คล้ายกับเพจ Enfa Smart Club ซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ผู้ที่หลงเชื่อสามารถสอบถามรายละเอียด และเข้าชมสินค้าหน้าเพจได้ โดยจะมีลิงก์ให้กดเข้าไปดูสินค้า โดยจะแสดงรายการสินค้า พร้อมราคา และสามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้ด้วยตนเอง

.

นอกจากนี้ คนร้ายจะแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มซื้อขายสินค้า “ของใช้เด็กแรกเกิดทารก ราคาถูก” เพื่อโพสต์ขายสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็กที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป จึงทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก เมื่อผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าให้กับคนร้ายและส่งหลักฐานการโอนเงินให้คนร้ายแล้ว คนร้ายก็ปิดกั้นช่องทางการติดต่อไปในที่สุดโดยไม่ส่งสินค้าให้แต่อย่างใด

.

การกระทำของคนร้ายนอกจากจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมเหยื่อที่ถูกหลอกลวงเนื่องจากเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มของแม่ลูกอ่อน ซึ่งต้องการซื้อนมให้ลูกของตน แม้ว่ามูลค่าความเสียหาย ของแต่ละรายมีมูลค่าไม่มาก แต่สำหรับเหยื่อบางกลุ่มแล้ว เงินจำนวนนั้นอาจจะเป็นเงินที่ต้องหามาด้วยความยากลำบาก เพื่อต้องการให้ลูกได้รับนมที่ดีไปบริโภค โดยคาดหวังจะให้ลูกของตนมีพัฒนาการที่ดี การกระทำของคนร้ายจึงเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

.

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ ผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ (www.thaipoliceonline.com) พบว่าผู้เสียหายเข้าแจ้งความออนไลน์ 1,249 เรื่อง มีความเชื่อมโยงทั่วประเทศรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท (เฉพาะที่มีการแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์) และจากการตรวจสอบตรวจสอบ พบเงินหมุนเวียน ของผู้ต้องหากลุ่มนี้จำนวนกว่า 70 ล้านบาท (เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำผิดฉ้อโกงรูปแบบอื่นๆด้วย)

.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่าในขณะนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจำนวน 26 รายจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 12 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวและเร่งขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดต่อไป

.

2. ปฏิบัติการ "ทลายแก๊ง รถไถทิพย์ออนไลน์" ปฏิบัติการ “ทลายแก๊ง รถไถทิพย์ออนไลน์” กรณีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวในกลุ่มเฟสบุ๊กซื้อขายรถไถนามือสอง หลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นเกษตรกรชาวไร่ ชาวนา มีความเชื่อมโยงกลุ่มรับจำนำรถส่งประเทศเพื่อนบ้าน และคนรวบรวมบัญชีม้าระดับมือโปรที่กลุ่มทุนจีนทุ่มเงินซื้อตัว

.

สืบเนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพเปิดเพจและแฝงตัวในกลุ่มซื้อขายรถไถนามือสอง หลอกลวงประชาชนที่หลงเชื่อโอนเงินค่ารถไถผ่านบัญชีม้าที่คนร้ายเตรียมไว้ มีประชาชนที่หลงเชื่อและได้รับความเสียหายในวงกว้าง โดยวิธีการของคนร้าย เริ่มจากการเปิดเพจ Facebook ชื่อที่มีการแสดงตนในลักษณะเป็นนายหน้าขายรถไถติดต่อผู้ที่โพสต์ขายรถไถในกลุ่ม แล้วคัดลอกภาพนิ่งและวิดีโอที่มีการเสนอขาย จากนั้นไปติดต่อผู้ที่โพสต์

แสดงความต้องการที่จะซื้อรถไถ โดยเสนอในราคาต่ำกว่าท้องตลาด หากมีคนหลงเชื่อก็จะได้ติดต่อผ่าน LINE กับผู้เสียหายที่หลงเชื่อ พร้อมนัดหมายและส่งพิกัดที่จะนำรถไถไปส่งโดยแสร้งว่าไม่ต้องมีการให้วางมัดจำ และให้เจ้าของรถไถที่เสนอขายนำรถมาส่งโดยจ่ายค่ามัดจำ

.

ต่อมา คนร้ายจะติดต่อให้รถขนส่งไปรับรถจากผู้ขาย หรือให้ผู้ขายนำรถมาส่ง ซึ่งมีการถ่ายภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวการขนส่งรถแล้วส่งมาให้คนร้าย โดยบอกกับทางผู้ขายว่าจะจ่ายเงินสดให้กับทางผู้ที่มาส่งรถและทำทีส่งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวการขนส่งรถไปให้กับผู้เสียหายที่เป็น ผู้ซื้อ เมื่อรถมาถึงจุดนัดหมายจึงให้ผู้เสียหายโอนเงินค่ารถไถเข้าบัญชีม้าโดยผู้เสียหายเข้าใจว่าโอนเงินให้กับเจ้าของรถตัวจริง แต่ทางเจ้าของรถไม่ได้รับเงิน จึงรู้ว่าไม่มีการซื้อขายรถจริง เจ้าของรถจึงได้เอารถกลับคืนโดยไม่มีการส่งมอบรถ ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าถูกคนร้ายหลอกและเสียเงินจำนวนดังกล่าวให้กับคนร้ายไปแล้ว ซึ่งคนร้ายเมื่อได้รับเงินก็ได้ตัดขาดการติดต่อกับผู้เสียหาย

.

ทั้งนี้ กลุ่มมิจฉาชีพมีการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายรายมีการ แจ้งความไว้หลายท้องที่ เบื้องต้นพบว่ามีการแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์เกี่ยวกับการซื้อขายรถไถจำนวน 53 เคสไอดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายเป็นชาวไร่ ชาวนา เกษตรกรที่หวังจะนำรถไถไปใช้ในการเกษตรของตน

.

จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีเคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงมาแล้วหลายครั้ง แต่ติดต่อผู้เสียหายให้ยอมความและถอนแจ้งความโดยหลอกซ้ำอีกว่าจะชดใช้ให้ และพบว่าผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับ

กลุ่มรับจำนำรถส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในการสืบสวนยังพบในกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่คนรวมบัญชีม้าระดับมือโปรที่รู้ช่องทางการทำให้สามารถยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันของทางธนาคาร และสามารถนำบัญชีม้าดังกล่าว

ไปใช้ได้

.

จากกรณีดังกล่าวพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยเป็นกลุ่มบุคคลผู้ขายบัญชีม้า-คนรวบรวมบัญชีม้า-คนที่ยืนยันตัวบุคคลผ่านระบบแอปพลิเคชันของทางธนาคาร-คนหลอกผู้เสียหายและคนกดเงิน ผู้ร่วมขบวนการ ได้ทำการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาและขยายผล เบื้องต้น มีการจับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าวได้ 7 ราย ในส่วนผู้ต้องหารายอื่นกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนเร่งนัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

หลังสิ้นสุดการแถลงข่าว ได้มีตัวแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นคุณแม่กรณีหลอกขายนมผง ได้นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ที่ช่วยสืบสวนจับกุมคนร้าย โดยมี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา เป็นตัวแทนรับมอบ

.

#ตำรวจไซเบอร์ #แถลงข่าว #จับกุม #เพจปลอม #หลอกขายนมผง #หลอกขายรถไถ

#ตำรวจไซเบอร์  #CCIB