เปิดปฏิบัติการตัดวงจร ซิม สาย เสา "รองต่อ" นำ ตร.ไซเบอร์ ร่วม กสทช. ยึดจาน,ซิมเถื่อน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เปิดปฏิบัติการตัดวงจร ซิม สาย เสา "รองต่อ" นำ ตร.ไซเบอร์ ร่วม กสทช. ยึดจาน,ซิมเถื่อน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เปิดปฏิบัติการตัดวงจร ซิม สาย เสา
"รองต่อ" นำ ตร.ไซเบอร์ ร่วม กสทช.
ยึดจาน,ซิมเถื่อน สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
.
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย ในฐานะประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท. ( ตำรวจไซเบอร์ ) นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกิจการภูมิภาค, นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 31 , พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฎิบัติการตัดวงจรซิม-สาย-เสา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
.
ปฏิบัติการครั้งนี้หลังพบว่ามีการลักลอบส่งสัญญาณโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน
.
จุดแรกนำกำลังเข้าตรวจค้นอาคารร้างสูง 4 ชั้น ไม่มีเลขที่ ริมถนนสายเอเชีย ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก พบเครื่องส่งสัญญาณและสายอากาศแบบจานสะท้อนคลื่น ( Parabolic Reflector Antenna ) ลักษณะจานทึบทรงกลม ติดตั้งอยู่บนเสาสูงบนดาดฟ้า เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเครื่องโทรคมนาคม 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ 2 รายการ
.
จุดที่สองเข้าตรวจค้นร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก พบเครื่องส่งสัญญาณและสายอากาศแบบจานสะท้อนคลื่น (Parabolic) พบเครื่องส่งสัญญาณและสายอากาศแบบจานสะท้อนคลื่น ติดตั้งอยู่เหนือหลังคาร้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเครื่องโทรคมนาคม 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ 2 รายการไว้เป็นของกลางในคดี
.
ขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าตรวจสอบผู้ที่ลักลอบติดตั้งเครื่องรับส่งสัญญานอินเตอร์ไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตามริมแนวชายแดน ด้าน อ.แม่สาย จ.เขียงราย อีก 3 จุด สามารถจับกุมผู้ดระทำผิด 3 คน ประกอบด้วย น.ส.รวิพร อายุ 26 ปี นายสุทิน อายุ 44 ปี นายยุทธกานต์ อายุ 40 ปี ตรวจพร้อมยึดเครื่องโทรคมนาคม จำนวน 5 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์กว่า 10 รายการ
.
นอกจากนี้สำหรับในพื้นที่ จ.ตาก ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมต้องหาชาวไทย 8 คน ชาวเมียนมา 9 คน พร้อมของกลาง ซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้ว จํานวน 7,668 ซิม โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการลงทะเบียน จํานวน 23 เครื่องบัตรประจําตัวผู้อื่นสําหรับใช้ลงทะเบียน จํานวน 1 ใบและสายแพรวงจรต่อวงจรเพื่อลงทะเบียนซิม จํานวน 9 ชิ้น โดยดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 11 “ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปี ถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
.
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานความร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย และจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยดำเนินการมาตั้งแต่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อสกัดไม่ให้มีการเผยแพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการย้ายฐานปฏิบัติการเข้าสู่พื้นที่ใหม่ที่ยังสามารถอาศัยสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยได้ และปลอดภัยจากการกวาดล้างจับกุม โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ จากการหาข่าวพบว่ามีการแอบลักลอบใช้สัญญาณ จึงเข้าจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 2 สถานี และในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จำนวน 4 สถานี แจ้งข้อหาผู้ดูแลในความผิดฐาน "มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำผิด จำนวน 3 ราย และทำการยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้กระทำ ความผิดได้เป็นจำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
นอกจากนี้ยังตรวจพบการตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งทำให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้พื้นที่การให้บริการผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเกินกว่าอาณาพื้นที่ในประเทศ ซึ่งกรณีนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง รองผบ.ตร.กล่าว
.
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญณาณไม่ให้แพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กวดขันจับกุมผู้ขายและผู้เป็นธุระจัดหา ชิมผี บัญชีม้าเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ไม่ให้ทำงานได้สะดวกเหมือนเคย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการผู้รับใบอนุญาตเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีการหารือในการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตีกรอบการใช้เทคโนโลยีให้เป็นไปตามที่ภาครัฐกำหนด สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน
.
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจไซเบอร์ #สอท #จานเถื่อน #ซิมเถื่อน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB