ตำรวจไซเบอร์ไทยรวบหนุ่มใหญ่บัลแกเรีย ลอบติดตั้งอุปกรณ์รบกวนการทำงานของตู้ ATM ในไทย พบโดนแล้วล่าสุด 13 ตู้
ตำรวจไซเบอร์ไทยรวบหนุ่มใหญ่บัลแกเรีย ลอบติดตั้งอุปกรณ์รบกวนการทำงานของตู้ ATM ในไทย พบโดนแล้วล่าสุด 13 ตู้
ตำรวจไซเบอร์ไทยรวบหนุ่มใหญ่บัลแกเรีย ลอบติดตั้งอุปกรณ์รบกวนการทำงานของตู้ ATM ในไทย พบโดนแล้วล่าสุด 13 ตู้
.
วันอังคารที่ 27 พ.ค.68 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “ตำรวจไซเบอร์ไทย รวบหนุ่มใหญ่บัลแกเรีย ลอบติดตั้งอุปกรณ์รบกวนการทำงานของตู้ ATM ในไทย พบโดนแล้วล่าสุด 13 ตู้”
.
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือน มี.ค.68 ได้มีสถาบันการเงินแจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 ว่าได้มีคนร้ายใช้กุญแจมาสเตอร์คีย์ไขหน้าตู้เอทีเอ็ม แล้วถอดเปลี่ยนสายรับส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ภายในตู้เอทีเอ็ม แล้วขโมยเอาสายรับส่งข้อมูลชิ้นเดิมไป โดยพบความเสียหายแล้วจำนวน 13 ตู้ เป็นเหตุให้ธนาคารได้รับความเสียหาย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
.
ต่อมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดออกสืบสวนกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ต่อมา ชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่เกิดเหตุและเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนทราบว่าคนร้ายไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยได้ใช้รถยนต์ Honda รุ่น City สีขาว ซึ่งเป็นรถที่เช่ามาแล้วนำมาใช้ในการก่อเหตุ
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ติดตามไปยังบริษัทของรถเช่าคันดังกล่าว จนได้ข้อมูลของผู้เช่ารถคันดังกล่าวมา จากนั้นจึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของคนร้าย จนพบหลักฐานว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าวจริง
.
ในส่วนของสายรับส่งข้อมูลที่คนร้ายนำมาเปลี่ยนกับสายเดิม จากการตรวจสอบพบว่า เป็นสายรับส่งข้อมูลที่สามารถส่งข้อมูลไวรัสด้วยการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากซิมการ์ด ที่ถูกติดตั้งไว้ในสายรับส่งข้อมูลดังกล่าว เพื่อรบกวนการทำงานของตู้ และระบบไฟฟ้า ไปซึ่งเงินภายในตู้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยทางเศรษฐกิจของประเทศ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้สำเร็จ
.
ต่อมาวันที่ 27 พ.ค.68 พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.3 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหมายหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.392/2568 ลงวันที่ 26 พ.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู พื้นที่ ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนายนายอีวาน วัลเชฟ (MR.IVAN VALCHEV) อายุ 50 ปี สัญชาติบัลแกเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.3056/2568 ลง 26 พ.ค.68
.
จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหา พบสายรับส่งข้อมูลที่ถูกขโมยไป รวมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ภายใน จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานทางดิจิทัลต่อไป
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือเพื่อการหลบหนีหรือการพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, กระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ โดยเป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะของทางธนาคารไปโดยทุจริตและเป็นการเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ มาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน”
.
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำผิด และอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
.
#ตำรวจไซเบอร์ #CyberPolice #ความมั่นคงเศรษฐกิจ #อาชญากรรมข้ามชาติ #CyberCrime #ATMHack #จับกุมต่างชาติ
#ตำรวจไซเบอร์ #CCIB